ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจขาลงมีผลกระทบอย่างมากต่อคริสตจักรหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องถูกปิดตัวลง หนังสือ Wall Street Journal พาดหัวข่าว "Churches Find End in Nigh" หรือ คริสตจักรที่เกือบจะพบจุดจบ โดยรายงานนี้ พบว่า มีคริสตจักรราวๆ 200 แห่งได้ปิดตัวลงแล้ว เนื่องจากภาวะการเงินจากธนาคาร และ Dan Mike (vice president of church banking) คาดว่า อีกจำนวนหลายร้อยแห่งจะตกอยู่ในสภาวะการเงินเช่นเดียวกัน ที่อาจจะจะต้องปิดตัวลง
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แม้จะมีหลายคริสตจักรที่ปิดตัวลงเนื่องจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์บ้าง แต่จำนวนที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้มีจำนวนที่อยู่ในอัตราสูงเช่นดังที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
หลังจากภาวะ Hamburger ภาวะเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักในหลายๆอุตสาหกรรม ในหลายประเทศ และ ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ซึ่งยังส่งผลอยู่ถึงปัจจุบัน
มีคริสตจักรขนาดหลายร้อยคนในประเทศไทยเช่นกัน ที่ไม่มีอาคารสถานนมัสการเป็นของตนเอง และกำลังอยู่ในกระบวนการสะสมกองทุนเพื่อซื้อที่ดิน และสร้างคริสตจักรขึ้นใหม่ แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจจะนิ่งและไม่ส่งผลต่อการสร้างคริสตจักรในระยะสั้น ถึงระยะกลาง
ผมได้อ่าน เรื่อง คริสตจักรเครือข่าย ของ ดร.ศิลป์ชัย และก็เห็นว่า การทำคริสตจักรเครือข่ายก็สามารถเป็นทางออกของคริสตจักร (สากล) ทางหนึ่งครับ
พัชรี เตียจันทร์พันธุ์ Lawwill commented on your link.
ตอบลบพัชรี เตียจันท wrote: "และคริสตจักรตามบ้าน (House church)แบบเดิมๆ ที่เริ่มจากเล็กๆ ในพระธรรมกิจการ ๒ ข้อ ๔๖ ...breaking bread from house to house, they ate their food with gladness and simplicity of heart, praising God and having favor with all the people. And the Lord added "to the church daily those who were being saved. Acts 2:46-47 ไม่ต้องง้อภาวะเศรษฐกิจมากจนเกินไป หรือติดค่านิยมต้องสร้างโบสถ์ให้ใหญ่โตวิลิศมาหรา จนเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว โบสถ์เล็กๆตามบ้านก็โตได้เหมือนกัน... ลองฟังเพลงข้อคิดจาก "คำพ่อสอน" หน่อยปะไร at link : http://www.facebook.com/l/01eb5/www.kamphorsorn.org/listen_se.html"
บทความนี้ได้ให้ทั้่งข้อมูลและข้อคิดที่ดีมากครับ
ตอบลบขอบคุณครับ ที่บทความสั้นๆเป็นประโยชน์
ตอบลบ