เรื่องอาณาจักรของพระเจ้า หรือ the Kingdom of God เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักพระคัมภีร์เน้น (ในพระคัมภีร์ภาษาไทยแปลคำนี้โดยใช้คำว่าอาณาจักรของพระเจ้าบ้าง หรือแผ่นดินของพระเจ้าบ้าง ถ้าแปล Kingdom ตามหลักภาษาไทยจริงๆ ก็คงต้องเป็น "ราชอาณาจักรของพระเจ้า" แต่ในที่นี้จะใช้คำว่าอาณาจักรของพระเจ้า) โดยรวมแล้ว พระคัมภีร์กล่าวถึงอาณาจักรของพระเจ้าโดยหมายถึงการครอบครองของพระเจ้าที่ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเขตแดนหรือเวลาหรือยุคสมัย (อพย.15:18; สดด.145:13; มก.1:15) ในกิตติคุณมัทธิวมักจะใช้คำว่า “แผ่นดินสวรรค์” (มธ.3:2; 13:11; 25:1) แทนคำว่า “อาณาจักรของพระเจ้า“ (หรือ “แผ่นดินของพระเจ้า”) แต่ก็มีความหมายเดียวกัน
ในกิตติคุณมาระโกได้สรุปข่าวประเสริฐของพระเยซูว่าเป็นเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า (แผ่นดินของพระเจ้า) (มก.1:14-15) ส่วนในกิตติคุณยอห์นจะไม่ใช้คำว่า "อาณาจักรของพระเ้จ้า" (“แผ่นดินของพระเจ้า”) มากนักแต่ใช้คำว่า “ชีวิตนิรันดร์” มากกว่า (มธ.19:16-30; ยน.3:36;10:28;12:25) พระเยซูมักจะสอนเรื่อง "อาณาจักรของพระเจ้า" (“แผ่นดินของพระเจ้า”) โดยใช้คำอุปมาในคำเทศนาและพระองค์ยังกล่าวถึงอำนาจของอาณาจักรของพระเจ้า (แผ่นดินของพระเจ้า) ที่ปรากฏในพระราชกิจ เช่น การขับผี (ลก.11:20)
อาณาจักรพระเจ้ามาแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ จะสมบูรณ์เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา
พระองค์ตรัสว่าอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้วทางพระองค์ (ลก. 11:20) แต่จะปรากฏอย่างครบบริบูรณ์เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา (มธ. 16:27; 25:31) เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา "ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ได้กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์" (วิวรณ์ 11:15) พระประสงค์ของพระองค์จะสมบูรณ์ในโลกนี้ พระเยซูจึงได้สอนให้เราอธิษฐานว่า "ขอให้อาณาจักร(แผ่นดิน)ของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก" (มัทธิว 6:10) คำว่า "แผ่นดินของพระเจ้า" จึงใช้แทนไปมากับคำว่า "แผ่นดินสวรรค์" (มัทธิว 13:11; มาระโก 4:11)
เราไม่เคยพบคำว่า "อาณาจักรในสวรรค์" แต่พระคริสต์จะทรงสถาปนา “อาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้” เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา น้ำพระทัยของพระเจ้าในสวรรค์สำเร็จโดยทูตสวรรค์ฉันใด (สดุดี 103:19-21) ก็จะเป็นอย่างนั้นในอาณาจักรของพระเจ้าที่จะมาตั้งอยู่ เมื่อโลกจะเป็นที่อยู่ของคนชอบธรรม ผู้ซึ่งจะ "เป็นเหมือนทูตสวรรค์" (ลูกา 20:36)
การเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของความบากบั่นในชีวิตของคริสเตียน (มัทธิว 25:34; กิจการของอัครทูต 14:22) จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ถูกต้อง คำสอนของฟิลิปเกี่ยวกับพระคริสต์เป็นคำสอน "ว่าด้วยอาณาจักรของพระเจ้าและพระนามแห่งพระเยซูคริสต์" (กิจการของอัครทูต 8:5,12) ข้อความแล้วข้อความเล่าที่ย้ำเตือนเราว่า "อาณาจักรของพระเจ้า" เป็นหน้าที่หลักของคำสอนของเปาโล (กิจการของอัครทูต 19:8; 20:25; 28:23,31) เราจำเป็นต้องเข้าใจหลักคำสอนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าเพราะเป็นส่วนสำคัญของข่าวประเสริฐ "เราทั้งหลายจำต้องทนความยากลำบากมากจึงจะได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้า" (กิจการของอัครทูต 14:22) อาณาจักรของพระเจ้าเป็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายทางชีวิตและเป็นแรงจูงใจให้เกิดการเสียสละในชีวิตของคริสเตียนที่แท้
อาณาจักรพระเ้จ้าสำคัญกับมนุษย์แค่ไหน?
พระเยซูตรัสว่า “แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักร(แผ่นดิน)ของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” (มัทธิว 6:33) ข้อนี้บ่งชี้ชัดเจนว่า อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ “ก่อน” สิ่งอื่นใดที่มนุษย์และคริสเตียนต้องแสวงหา และถ้าได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้าแล้วสิ่งอื่นๆ จะตามมาเอง อาณาจักรพระเจ้าคือความสมบูรณ์ของชีวิต ฉะนั้นประชากรของพระเจ้าควรขวนขวายในเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า แต่น่าเสียดายที่หลายคนก็ไม่เข้าใจและคนจำนวนมากก็ยังไม่ใส่ใจ และนี่ก็เกี่ยวข้องกับอนาคตของคริสตจักรด้วย
อาณาจักรของพระเจ้าใหญ่กว่าคริสตจักร
ความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรกับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดมามาก คริสเตียนหลายคนพูดถึงอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับเป็นอีกชื่อหนึ่งของคริสตจักร สองสิ่งนี้แตกต่างกันมาก และอาณาจักรของพระเจ้าสำคัญกว่าคริสตจักรมาก พระราชกิจหลักที่พระเยซูทรงกระทำคือการสถาปนาอาณาจักรของพระเจ้า นี่เป็นสิ่งพื้นฐานที่เห็นได้ชัดเจนมากในการเทศนาของพระองค์ ที่ว่าเวลามาถึงแล้ว อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจเสียใหม่และเชื่อในข่าวดี (มก.1:15)
พระกิตติคุณทั้งสี่เล่มบอกเราว่าพระเยซูทรงสั่งสอนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า (มก.1:14,15, ลก.4:23, ยน.3:3) อัครสาวกสิบสองคนก็ถูกส่งออกไปประกาศสั่งสอนเรื่องเดียวกันคือข่าวดีเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า (ลก.9:1,2) ในพระกิตติคุณมีคำว่าอาณาจักรของพระเจ้าเกือบร้อยครั้ง แต่ในทางตรงกันข้าม แต่กลับเอ่ยถึงคำว่าคริสตจักรเพียง 2 ครั้งเท่านั้น (คือมีเฉพาะในมัทธิว 16:18 กับ 18:17) จึงชัดเจนว่า อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าคริสตจักร
แต่ที่สำคัญคือ อาณาจักรมีความหมายกว้างกว่าคริสตจักร อาณาจักรหมายถึงการปกครองของพระเจ้าที่ครอบคลุมไปหมดทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ใช่ชีวิตส่วนตัว หรือแค่ที่โบสถ์ หรือแค่วันนมัสการ แต่ให้นึกภาพว่าเป็นเสมือนเขตแดนประเทศที่มีอธิปไตย มีระบอบการปกครอง ที่มีมีรัฐบาล กฎหมาย กองทัพ ระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม
ฉะนั้น อาณาจักรของพระเจ้าที่ว่านี้รวมทุกแง่มุมของชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองและสิทธิอำนาจของพระเจ้า หากครอบครัวๆหนึ่งมีพระเจ้าทรงปกครอง ครอบครัวนั้นก็คือส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระองค์ หากธุรกิจหนึ่งดำเนินการโดยยึดหลักการของพระคัมภีร์ ธุรกิจนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระองค์ อาณาจักรของพระเจ้าครอบคลุมทุกกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้าทรงตั้งพระทัยให้อาณาัจักรของพระองค์ขยายครอบคลุมทุกพื้นที่ของชีวิตมนุษย์
การขยายตัวนี้เกิดขึ้นในสองทาง ทางแรกคือโดยการที่คนเราแต่ละคนต้องเกิดใหม่เ้ข้าในแผ่นดิน ซึ่งนั่นหมายถึงการที่พระเยซูตรัสในยอห์น 3:5 ว่าถ้าผู้ใดที่ไ่ม่บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไ่ม่ได้ ฉะนั้นใครก็ตามที่บังเกิดใหม่ด้วยการกลับใจใหม่และเชื่อในพระเยซูคริสต์ คนๆ นั้นก็ได้มีสถานภาพเป็นประชากรของอาณาจักรของพระเจ้าแ้ล้ว พระเจ้าจะทรงช่วยปลดปล่อยเขาจะความเจ็บป่วยและอำนาจของมาร การบังเกิดใหม่เป็นทางเดียวที่ทำให้บุคคลสามารถเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าได้
แต่ประการที่สอง อาณาจักรนี้ก็ยังขยายอีกด้วยเมื่อบรรดาคริสเตียนนำแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของตนเข้ามาอยู่ใต้พระประสงค์ของพระเจ้า เมื่อคริสเตียนใช้หลักการในพระวจนะของพระเจ้าในกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตของพวกเขาในที่ๆพวกเขามีสิทธิ พวกเขาก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระเจ้า การปกครองของพระเจ้าก็จะขยายไปเท่าที่บรรดาคริสเตียนได้ขยายการปกครองของพระเจ้าไปสู่พื้นที่ต่างๆของชีวิตในที่ที่พวกเขามีสิทธิอำนาจในสังคมโลกในทุกส่วนและทุกระดับชั้น ทั้งในด้านส่วนตัว ครอบครัว อาชีพการงานธุรกิจ คริสตจักร สังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเืมืองการปกครอง สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ จนถึงระดับโลก เมื่อคริสเตียนมีสิทธิอำนาจในพื้นที่เหล่านี้มากเท่าไร รวมทั้งได้ใช้หลักการแห่งพระวจนะในพื้นที่เหล่านี้มากเท่าไร อาณาจักรของพระเจ้าก็จะครอบครองพื้นที่เหล่านี้มากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เรามักพบว่า คริสเตียนโดยทั่วไปยังไม่มีแนวคิดการขยายอาณาจักรของพระเจ้า มักสนใจเฉพาะแต่เรื่องการขยายคริสตจักรหรือการสร้างคริสตจักร ทั้งๆ ทีเป็นที่ทราบแล้วว่า พระเยซูตรัสถึงแต่เรื่องอาณาจักรพระเจ้าอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แต่ตรัสถึงคริสตจักรแค่ 2 ครั้งเท่านั้น (ซึ่งครั้งหนึ่งเน้นถึงคริสตจักรสากล ส่วนอีกครั้งพอหมายถึงคริสตจักรท้องถิ่นได้) พระเยซูเทศนาข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรของพระเจ้า แต่คริสตจักรสมัยใหม่มีแนวโน้มจะเทศนาแต่เรื่องข่าวประเสริฐแห่งความรอดส่วนบุคคล หรือไม่ก็ข่าวประเสริฐของคริสตจักรท้องถิ่น แต่ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้ยิน ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องข่าวประเสริฐแห่งการปกครองอาณาจักรของพระเจ้ายิ่งแทบไม่เคยได้ยินเลย
อีกครั้งที่ต้องย้ำว่า พระเยซูประกาศให้คนเข้าอาณาจักรของพระเจ้า และอาณาจักรของพระเจ้านั้นใหญ่กว่าคริสตจักรมาก คริสตจักรเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งของอาณาจักรของพระเจ้า คริสเตียนเราทุกคนควรมีนิมิตที่ใหญ่กว่าแค่เรื่องคริสตจักร คือ มีนิมิตแห่งอาณาจักรของพระเจ้า
คริสเตียนจึงไม่ควรสนใจแต่ความรอดส่วนตัว ความชอบธรรมส่วนตัว บำเหน็จส่วนตัว หรือคริสตจักรของตัว หรืออาณาจักรส่วนตัว
สิ่งที่ดีกว่าคือ...
รู้จักและเชื่อมั่นในอาณาจักรของพระเจ้า
แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อนสิ่งใดทั้งหมด
มุ่งทำให้อาณาจักรของพระเจ้ามาตั้งอยู่ในแผ่นดินโลก
ปฏิบัติตนในฐานะประชากรของอาณาจักรของพระเจ้า
เป็นใหญ่ในอาณาจักรของพระเจ้า โดยการเป็นผู้รับใช้คนทั้งปวง
ยอมเสียสละเพื่อเห็นแก่อาณาจักรของพระเจ้า
ขยายอาณาจักรของพระเจ้า โดยการประกาศข่าวดีเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าไปทั่วโลก
และคอยท่าความสมบูรณ์ของอาณาจักรของพระเจ้า
สวัสดี
ในกิตติคุณมาระโกได้สรุปข่าวประเสริฐของพระเยซูว่าเป็นเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า (แผ่นดินของพระเจ้า) (มก.1:14-15) ส่วนในกิตติคุณยอห์นจะไม่ใช้คำว่า "อาณาจักรของพระเ้จ้า" (“แผ่นดินของพระเจ้า”) มากนักแต่ใช้คำว่า “ชีวิตนิรันดร์” มากกว่า (มธ.19:16-30; ยน.3:36;10:28;12:25) พระเยซูมักจะสอนเรื่อง "อาณาจักรของพระเจ้า" (“แผ่นดินของพระเจ้า”) โดยใช้คำอุปมาในคำเทศนาและพระองค์ยังกล่าวถึงอำนาจของอาณาจักรของพระเจ้า (แผ่นดินของพระเจ้า) ที่ปรากฏในพระราชกิจ เช่น การขับผี (ลก.11:20)
อาณาจักรพระเจ้ามาแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ จะสมบูรณ์เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา
พระองค์ตรัสว่าอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้วทางพระองค์ (ลก. 11:20) แต่จะปรากฏอย่างครบบริบูรณ์เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา (มธ. 16:27; 25:31) เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา "ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ได้กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์" (วิวรณ์ 11:15) พระประสงค์ของพระองค์จะสมบูรณ์ในโลกนี้ พระเยซูจึงได้สอนให้เราอธิษฐานว่า "ขอให้อาณาจักร(แผ่นดิน)ของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก" (มัทธิว 6:10) คำว่า "แผ่นดินของพระเจ้า" จึงใช้แทนไปมากับคำว่า "แผ่นดินสวรรค์" (มัทธิว 13:11; มาระโก 4:11)
เราไม่เคยพบคำว่า "อาณาจักรในสวรรค์" แต่พระคริสต์จะทรงสถาปนา “อาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้” เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา น้ำพระทัยของพระเจ้าในสวรรค์สำเร็จโดยทูตสวรรค์ฉันใด (สดุดี 103:19-21) ก็จะเป็นอย่างนั้นในอาณาจักรของพระเจ้าที่จะมาตั้งอยู่ เมื่อโลกจะเป็นที่อยู่ของคนชอบธรรม ผู้ซึ่งจะ "เป็นเหมือนทูตสวรรค์" (ลูกา 20:36)
การเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของความบากบั่นในชีวิตของคริสเตียน (มัทธิว 25:34; กิจการของอัครทูต 14:22) จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ถูกต้อง คำสอนของฟิลิปเกี่ยวกับพระคริสต์เป็นคำสอน "ว่าด้วยอาณาจักรของพระเจ้าและพระนามแห่งพระเยซูคริสต์" (กิจการของอัครทูต 8:5,12) ข้อความแล้วข้อความเล่าที่ย้ำเตือนเราว่า "อาณาจักรของพระเจ้า" เป็นหน้าที่หลักของคำสอนของเปาโล (กิจการของอัครทูต 19:8; 20:25; 28:23,31) เราจำเป็นต้องเข้าใจหลักคำสอนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าเพราะเป็นส่วนสำคัญของข่าวประเสริฐ "เราทั้งหลายจำต้องทนความยากลำบากมากจึงจะได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้า" (กิจการของอัครทูต 14:22) อาณาจักรของพระเจ้าเป็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายทางชีวิตและเป็นแรงจูงใจให้เกิดการเสียสละในชีวิตของคริสเตียนที่แท้
อาณาจักรพระเ้จ้าสำคัญกับมนุษย์แค่ไหน?
พระเยซูตรัสว่า “แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักร(แผ่นดิน)ของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” (มัทธิว 6:33) ข้อนี้บ่งชี้ชัดเจนว่า อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ “ก่อน” สิ่งอื่นใดที่มนุษย์และคริสเตียนต้องแสวงหา และถ้าได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้าแล้วสิ่งอื่นๆ จะตามมาเอง อาณาจักรพระเจ้าคือความสมบูรณ์ของชีวิต ฉะนั้นประชากรของพระเจ้าควรขวนขวายในเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า แต่น่าเสียดายที่หลายคนก็ไม่เข้าใจและคนจำนวนมากก็ยังไม่ใส่ใจ และนี่ก็เกี่ยวข้องกับอนาคตของคริสตจักรด้วย
อาณาจักรของพระเจ้าใหญ่กว่าคริสตจักร
ความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรกับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดมามาก คริสเตียนหลายคนพูดถึงอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับเป็นอีกชื่อหนึ่งของคริสตจักร สองสิ่งนี้แตกต่างกันมาก และอาณาจักรของพระเจ้าสำคัญกว่าคริสตจักรมาก พระราชกิจหลักที่พระเยซูทรงกระทำคือการสถาปนาอาณาจักรของพระเจ้า นี่เป็นสิ่งพื้นฐานที่เห็นได้ชัดเจนมากในการเทศนาของพระองค์ ที่ว่าเวลามาถึงแล้ว อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจเสียใหม่และเชื่อในข่าวดี (มก.1:15)
พระกิตติคุณทั้งสี่เล่มบอกเราว่าพระเยซูทรงสั่งสอนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า (มก.1:14,15, ลก.4:23, ยน.3:3) อัครสาวกสิบสองคนก็ถูกส่งออกไปประกาศสั่งสอนเรื่องเดียวกันคือข่าวดีเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า (ลก.9:1,2) ในพระกิตติคุณมีคำว่าอาณาจักรของพระเจ้าเกือบร้อยครั้ง แต่ในทางตรงกันข้าม แต่กลับเอ่ยถึงคำว่าคริสตจักรเพียง 2 ครั้งเท่านั้น (คือมีเฉพาะในมัทธิว 16:18 กับ 18:17) จึงชัดเจนว่า อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าคริสตจักร
แต่ที่สำคัญคือ อาณาจักรมีความหมายกว้างกว่าคริสตจักร อาณาจักรหมายถึงการปกครองของพระเจ้าที่ครอบคลุมไปหมดทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ใช่ชีวิตส่วนตัว หรือแค่ที่โบสถ์ หรือแค่วันนมัสการ แต่ให้นึกภาพว่าเป็นเสมือนเขตแดนประเทศที่มีอธิปไตย มีระบอบการปกครอง ที่มีมีรัฐบาล กฎหมาย กองทัพ ระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม
ฉะนั้น อาณาจักรของพระเจ้าที่ว่านี้รวมทุกแง่มุมของชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองและสิทธิอำนาจของพระเจ้า หากครอบครัวๆหนึ่งมีพระเจ้าทรงปกครอง ครอบครัวนั้นก็คือส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระองค์ หากธุรกิจหนึ่งดำเนินการโดยยึดหลักการของพระคัมภีร์ ธุรกิจนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระองค์ อาณาจักรของพระเจ้าครอบคลุมทุกกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้าทรงตั้งพระทัยให้อาณาัจักรของพระองค์ขยายครอบคลุมทุกพื้นที่ของชีวิตมนุษย์
การขยายตัวนี้เกิดขึ้นในสองทาง ทางแรกคือโดยการที่คนเราแต่ละคนต้องเกิดใหม่เ้ข้าในแผ่นดิน ซึ่งนั่นหมายถึงการที่พระเยซูตรัสในยอห์น 3:5 ว่าถ้าผู้ใดที่ไ่ม่บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไ่ม่ได้ ฉะนั้นใครก็ตามที่บังเกิดใหม่ด้วยการกลับใจใหม่และเชื่อในพระเยซูคริสต์ คนๆ นั้นก็ได้มีสถานภาพเป็นประชากรของอาณาจักรของพระเจ้าแ้ล้ว พระเจ้าจะทรงช่วยปลดปล่อยเขาจะความเจ็บป่วยและอำนาจของมาร การบังเกิดใหม่เป็นทางเดียวที่ทำให้บุคคลสามารถเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าได้
แต่ประการที่สอง อาณาจักรนี้ก็ยังขยายอีกด้วยเมื่อบรรดาคริสเตียนนำแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของตนเข้ามาอยู่ใต้พระประสงค์ของพระเจ้า เมื่อคริสเตียนใช้หลักการในพระวจนะของพระเจ้าในกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตของพวกเขาในที่ๆพวกเขามีสิทธิ พวกเขาก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระเจ้า การปกครองของพระเจ้าก็จะขยายไปเท่าที่บรรดาคริสเตียนได้ขยายการปกครองของพระเจ้าไปสู่พื้นที่ต่างๆของชีวิตในที่ที่พวกเขามีสิทธิอำนาจในสังคมโลกในทุกส่วนและทุกระดับชั้น ทั้งในด้านส่วนตัว ครอบครัว อาชีพการงานธุรกิจ คริสตจักร สังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเืมืองการปกครอง สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ จนถึงระดับโลก เมื่อคริสเตียนมีสิทธิอำนาจในพื้นที่เหล่านี้มากเท่าไร รวมทั้งได้ใช้หลักการแห่งพระวจนะในพื้นที่เหล่านี้มากเท่าไร อาณาจักรของพระเจ้าก็จะครอบครองพื้นที่เหล่านี้มากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เรามักพบว่า คริสเตียนโดยทั่วไปยังไม่มีแนวคิดการขยายอาณาจักรของพระเจ้า มักสนใจเฉพาะแต่เรื่องการขยายคริสตจักรหรือการสร้างคริสตจักร ทั้งๆ ทีเป็นที่ทราบแล้วว่า พระเยซูตรัสถึงแต่เรื่องอาณาจักรพระเจ้าอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แต่ตรัสถึงคริสตจักรแค่ 2 ครั้งเท่านั้น (ซึ่งครั้งหนึ่งเน้นถึงคริสตจักรสากล ส่วนอีกครั้งพอหมายถึงคริสตจักรท้องถิ่นได้) พระเยซูเทศนาข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรของพระเจ้า แต่คริสตจักรสมัยใหม่มีแนวโน้มจะเทศนาแต่เรื่องข่าวประเสริฐแห่งความรอดส่วนบุคคล หรือไม่ก็ข่าวประเสริฐของคริสตจักรท้องถิ่น แต่ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้ยิน ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องข่าวประเสริฐแห่งการปกครองอาณาจักรของพระเจ้ายิ่งแทบไม่เคยได้ยินเลย
อีกครั้งที่ต้องย้ำว่า พระเยซูประกาศให้คนเข้าอาณาจักรของพระเจ้า และอาณาจักรของพระเจ้านั้นใหญ่กว่าคริสตจักรมาก คริสตจักรเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งของอาณาจักรของพระเจ้า คริสเตียนเราทุกคนควรมีนิมิตที่ใหญ่กว่าแค่เรื่องคริสตจักร คือ มีนิมิตแห่งอาณาจักรของพระเจ้า
คริสเตียนจึงไม่ควรสนใจแต่ความรอดส่วนตัว ความชอบธรรมส่วนตัว บำเหน็จส่วนตัว หรือคริสตจักรของตัว หรืออาณาจักรส่วนตัว
สิ่งที่ดีกว่าคือ...
รู้จักและเชื่อมั่นในอาณาจักรของพระเจ้า
แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อนสิ่งใดทั้งหมด
มุ่งทำให้อาณาจักรของพระเจ้ามาตั้งอยู่ในแผ่นดินโลก
ปฏิบัติตนในฐานะประชากรของอาณาจักรของพระเจ้า
เป็นใหญ่ในอาณาจักรของพระเจ้า โดยการเป็นผู้รับใช้คนทั้งปวง
ยอมเสียสละเพื่อเห็นแก่อาณาจักรของพระเจ้า
ขยายอาณาจักรของพระเจ้า โดยการประกาศข่าวดีเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าไปทั่วโลก
และคอยท่าความสมบูรณ์ของอาณาจักรของพระเจ้า
สวัสดี
อาเมน ขอขอบคุณ ผู้เขียนบทความ
ตอบลบพระเยซูคริสต์ตรัสว่า
"แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว"
พระธรรมมัทธิว 12.28
ถ้าเราทั้งหลายอยู่อาณาจักรของพระเจ้า เราก็สามารถใช้สิทธิอำนาจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ผ่านทางการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่ภายในเราได้ โดยพระนามของพระเยซู
อาณาจักรของพระเจ้า = ยุคพันปีที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
ตอบลบใช่เลยครับ
ตอบลบมันเป็นความจริงที่คริสเตียนส่วนใหญ่(ท่านผู้นำ)มองข้ามไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเข้าใจผิดหรอกค่ะอาจาราย์ อีกอย่างคริสเตียนใหม่ก็ไม่ได้ถูกสอนให้ เห็นความจริงข้อนี้ว่าสำคัญกว่าการขยายคริสตจักร เขาถูกสอนฝังหัวว่า หน้าที่ของคริสเตียนคือ การขยายแผ่นดินพระเจ้าโดยการนำคนมาเชื่อและเข้ามาเป็นสมาชิกของโบสถ์เราให้มากๆ(เพิ่มยอด เหมือนธุรกิจ สรุปผลปลายปี มีสมาชิกเพิ่มมากกว่าปีที่แล้วกี่เปอร์เซ็นต์ พร้อมให้สมาชิกปรบมือให้ผู้ที่นำวิญญาณได้เยอะ เพิ่มสมาชิกให้โบสถ์ได้มาก ถือว่าเขาเป็นคนที่รักพระเจ้าอย่างแรง)เราถูกสอนว่าโบสถ์ที่ดี ต้องมองกันที่ปริมาณ คุณภาพสร้างทีหลัง ส่วนใหญ่ก็สร้างให้ดีไม่ได้ เพราะท่านผู้นำไม่เน้น... (เดี๋ยวหาว่าเราหลังเขาไม่เข้ามาอ่าน มีหลักฐานแล้วนะค่ะอาจารย์)
ตอบลบได้มาอ่านบทความของอาจารย์เลยได้คิด เพราะตัวเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ประมาณว่า ก็ถูกสอนให้ขยายเพิ่มพูนสมาชิกเหมือนกัน ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณพระเจ้า ช่วยให้ชีวิตไม่หลงประเด็น. :)
ใช่เลย ผู้นำส่วนมากพาสมาชิกหลงประเด็น หลงพันธกิจคิดสร้างแต่อาณาจักรของข้าพเจ้า
ตอบลบแผ่นดินของพระเจ้าจึงไม่สามารถขยายได้เท่าที่ควร
ขอบพระคุณสำหรับบทความนี้ ขอพระเจ้านำการเปลี่ยนแปลงและนำแผ่นดินของพระองค์มาสู่ประเทศไทยผ่าน คต.ด้วย เพื่อพระนามพระเจ้าได้รับเกียรติ
ตอบลบความจริงน่าจะเขียนให้พี่น้องคริสเตียนเข้าใจทั้งสองด้าน ไม่ใช่เขียนความจริงด้านเดียว เพราะจะทำให้พี่น้องคริสเตียนหยุดการประกาศ การขยายคริสตจักร
ตอบลบคำถามคือ ถ้าไม่ขยายคริสตจักร (คือกลุ่มคนที่เชื่อให้มากตามที่เรามีแผนชาตินั้น)อาณาจักรของพระเจ้าจะขยายอย่างไร เพราะพระเยซูตรัสว่า ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ขอให้เป็นไปอย่างนั้นบนแผ่นดินโลก กรุณาช่วยตอบคำถามนี้ด้วยครับ