เรื่องธรรมาภิบาล หรือ Good governance เป็นเรื่องที่เราเริ่มคุ้นเคยดี ตั้งแต่ในช่วงยุควิกฤติ ทางเศรษฐกิจในปี 2540 ทางธนาคารโลก และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ใช้ธรรมาภิบาลเป็นเครื่องมื อในการยกระดับความเข้มงวดต่ อหลายๆประเทศ ประเทศต่างๆนั้นล้มลงในด้ านเศรษฐกิต ซึ่งส่งผลมาจากความไม่โปร่ งใสในการบริหารจัดการประเทศ ประเทศเราจึงเริ่มคุ้นเคยเรื่ องธรรมาภิบาลตั้งแต่นั้นเป็นต้ นมา
หลักธรรมาภิบาลนั้นดีอย่างไร หลักธรรมภิบาลช่วยทำให้องค์ กรสะอาดและชอบธรรมในสายตาทั้ งจากสมาชิกใน องค์กรเองและจากบุคคลภายนอกที่ มาองเข้ามาที่องค์กร และนอกจากนั้นแล้ว ยังจะสามารถเป็นพื้นฐานในการเพิ ่มขีดความสามารถขององค์ กรในการทำงานได้ จึงเป็นหลักที่ควรนำมาใช้เป็ นหลักพื้นฐานในการบริหารคริสตจั กรได้อย่างดี ร่วมไปกับการบริหารคริสตจั กรในทุกๆด้าน
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.ประโยชน์คริสตจักรจะได้รั บประโยชน์ด้าน
1.1 การได้รับความรู้สึกไว้ วางใจจากสมาชิกคริสตจักร
1.2 สร้างแนวการปฏิบัติงานในคริสตจั กรที่มีความสะอาดแก่เจ้าหน้าที่ ให้อยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ ของทุกฝ่าย
1.3 ป้องกันความไม่โปร่งใสในการใช้ ทรัพยากรของคริสตจักร เช่นเงิน และ อื่นๆ
1.4 ภาระกิจในคริสตจักร จะสามารถขับเคลื่อนได้เร็วขึ้ นเมื่อสมาชิกเกิดความมั่ นใจในคริสตจักร และสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง
2.ประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับ
2.1 Trust: ความมั่นใจในคริสตจักรที่ตั วเองร่วมประชุมนมัสการว่าเป็ นคริสจักรที่ดี
2.2 Loyalty: ความภักดีต่อผู้นำและคริสตจั กรและผูกพันธ์มีความลึกซึ้งยิ่ งขึ้น
2.3 Participation: สมาชิกปรารถนาจะมีส่วนร่ วมในงานรับใช้ ทุ่มเท เมื่อโอกาสมาถึง
2.4 และที่สำคัญสุดท้าย สมาชิกรู้สึกสบายใจที่จะถวายทรั ยพ์เพื่อสนับสนุนงานคริสตจักร
หลักธรรมาภิบาลนั้น มีหลักพื้นฐานอยู่ 6 ประการ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการบริ หารคริสตจักรได้ไม่ยาก
1. หลักนิติธรรม ได้แก่การเขียนธรรมนูญของคริ สตจักร และกฏระเบียบปฏิบัติไว้อย่างชั ดเจน และถูกต้อง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นและเข้าใจ จะได้ไม่เกิดข้อสงสัยในการปฏิบั ติของคริสตจักร และ ได้รับการยอมรับทั้งจากบุ คคลภายในและภายนอก
2.หลักความโปร่งใส คือการสร้างความไว้วางใจซึ่งกัน ผ่านการสำแดง หรือช่องทางในการแสดงรายละเอี ยดของการเงิน การทำงาน ที่จำเป็นและเหมาะสมแก่ผู้ที่ สนใจความเคลื่อนไหวในคริสตจักร อย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง โดยสร้างกระบวนการตรวจสอบที่ สามารถทำได้จากสมาชิก
3.หลักการมีส่วนร่วม ได้แก่ การเปิดโอกาสให้สมาชิกได้รับรู้ ได้ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมเสนอ คริสตจักรต้องจัดเวทีให้แก่ สมาชิก เพื่อเอื้อแก่การมีส่วนร่วมจาก เท่าที่จะทำได้ สิ่งที่ส่งผลดีก็คือ สมาชิกจะรู้สึกถึงความเป็นเจ้ าของคริสจักรร่วมกัน ผ่านการเปิดเวทีให้สมาชิก
4.หลักความรับผิดชอบ ได้แก่ การให้ผู้ที่มีความรับผิ ดชอบในเรื่องการเงินและอื่นๆ สามารถเปิดช่องให้มีเวที ในการสอบถามการใช้จ่ายของคริ สตจักร และความชัดเจนของรายรับรายจ่าย และ การใช้ทรัพยากรอื่นๆ เพื่อให้สมาชิกเกิดความสบายใจทั ้งต่อทรัพย์สิน และ บุคคลที่สมาชิกไว้วางใจ
5.หลักความคุ้มค่า ได้แก่ การที่ให้ผู้มีความรับผิ ดชอบในการคิดวางแผนในการใช้ทรั พยากรของคริสตจักร ทั้งเงิน และอื่นๆ คิดถึงความคุ้มค่าของเงินสมาชิ กที่ได้รับถวายมาใช้ในคริสตจักร ว่างบประมาณที่ได้มาจะช่วยดวงจิ ตวิญญาณของสมาชิกอย่างไร หรือ เพื่อการประกาศความรอด อย่างไร มีการจัดสรรที่เหมาะสมและใช้อย่ างรอบคอบ มากกว่าการใช้ซื้อเครื่ องอำนวยความสะดวก
6.หลักคุณธรรม ได้แก่การยึดความถูกต้องตามหลั กพระวจนะในการทำงานของคริสตจั กรในเจ้าหน้าที่ทุกระดับ โดยเห็นแก่ประโยชน์ของพระราชกิ จของพระเจ้า และสมาชิกทุกคนเป็นสำคัญ โดยไม่มีนัยประโยชน์อื่นๆซ่ อนเร้น
สรุป หลักธรรมาภิบาลนี้เป็นหลักที่ สามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก และ เป็นประโยชน์อย่างมากในการบริ หารคริสตจักร ไม่ว่าคริสตจักรเล็กหรือใหญ่ก็ สามารถประยุกต์ใช้ได้ ผมเชื่อว่าคริสตจักรหลายแห่งก็ ได้ใช้หลักนี้ในการบริหารงานคริ สตจักรอยู่แล้ว แต่การนำมาพูดถึงอีกครั้ง อาจจะช่วยให้คริสตจักรอี กหลายแห่งที่ยังไม่ทราบ จะได้ประโยชน์จากหลักธรรมภิ บาลนี้ครับ และแม้คริสตจักรที่รู้แล้ว ก็สามารถนำกลั บมาทบทวนกระบวนการบริหารอีก เผื่อว่าจะมีอะไรที่สามารถปรั บที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีขึ้นอีกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
นี่เป็นเวทีเสรีแต่โปรดสุภาพและไม่พาดพิงผู้อื่นอย่างไร้จริยธรรม รวมทั้งสนับสนุนให้ระบุชื่อจริง กองบก.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความและความคิดเห็นอีกทั้งอาจลบหรือแก้ไขหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ส่งความคิดเห็นโดยตรงต่อกองบก.ได้ที่ networkchurchministry@gmail.com