ก่อนจะบอกว่า "อย่างไรถึงจะนับเป็นคริสตจักร" เราต้องเข้าใจก่อนว่า ในทางศาสนศาสตร์นั้น เป็นที่ยอมรับกันว่า ที่จริงแล้วพระเยซูคริสต์เองไม่เคยตรัสเรื่องคริสตจักรท้องถิ่นเลย ทรงตรัสถึงคริสตจักรเดียว ในครั้งที่ทรงตรัสกับเปโตรว่า “บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้” (มัทธิว 16.13-18) ซึ่งเป็นลักษณะของคริสตจักรสากลทั่วโลก แต่หลักศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักรมีเนื้อหามากขึ้นจากการเพิ่มเติมของท่านเปาโล แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่เชื่อกันในหมู่นักศาสนศาสตร์หลายท่านว่า ที่จริงแล้วศาสนศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องคริสตจักรนั้นจะถือเป็นหลักข้อเชื่อได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงแนวทางที่ปรับปรุงพัฒนาได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ซึ่งเราก็คงยังไม่มีเวลาที่จะลงรายละเอียดทั้งหมด ณ ที่นี้ แต่ขอเสนอบางประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้ั
คุณลักษณะที่จะนับเป็นคริสตจักร
แน่ล่ะ คริสตจักรคือกลุ่มผู้เชื่อหรือกลุ่มคริสเตียน แต่ไม่ใช่กลุ่มผู้เชื่อทุกกลุ่มจะถือว่าเป็นคริสตจักรได้ กลุ่มผู้เชื่อบางกลุ่มอาจเป็นเพียงชมรมคริสเตียน หรือกลุ่มคริสเตียนที่ร่วมงานกันเป็นบางเรื่อง แต่พระคัมภีร์ใหม่ให้ภาพว่ากลุ่มผู้เชื่อที่จะถือว่าเป็นคริสตจักรต้องมีลักษณะดังนี้
- กลุ่มผู้เชื่อดังกล่าวมีการรวมตัวกันของผู้เืชื่ออย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- ในการรวมตัวกันของกลุ่มมีการนมัสการที่ระลึกถึงพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ และเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์
- ภายในกลุ่มมีการกระทำเพื่อการเสริมสร้างกัน ช่วยเหลือกัน และสัมพันธ์กัน ทั้งทางฝ่ายจิตวิญญาณ จิตใจและร่างกาย
บางหลักการก็บอกว่า จะเป็นคริสตจักรได้ยังต้องมีการบริหาร คือต้องมีผู้นำ คณะกรรมการ
ซึ่งการมีสิ่งเหล่านี้ก็ย่อมจะดี ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ถึงไม่มีก็ยังถือว่าเป็นคริสตจักรได้หากมีสามข้อข้างต้น
และยังรวมไปถึงเรื่องของ สถานที่นมัสการ กิจกรรมต่างๆ ดนตรี กลุ่มย่อย ระบบบริหาร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก็อาจมีได้อย่างหลากหลาย ไม่มีอะไรตายตัว หลายอย่างไม่มีก็ได้ ยังเป็นคริสตจักรได้
จำนวนเท่าไหร่จึงจะถือเป็นคริสตจักร?
ปัญหาที่ถามกันมากอีกเรื่องหนึ้่งก็คือ "กี่คนจึงจะถือว่าเป็นคริสตจักรท้องถิ่น?"
ในการขึ้นทะเบียนของคณะต่างๆ ในประเทศไทยนั้น บางคณะจะถือว่าเป็นคริสตจักรท้องถิ่นได้ต้องมีสมาชิกที่รับบัพติศมาที่ 25 คนบ้าง 40 คนบ้าง 50 คนบ้าง หากต่ำกว่าที่กำหนดก็จะเรียกว่าเป็นกลุ่มหรือเป็นศาลาธรรม หรือศูนย์ประกาศ ซึ่งก็เข้าใจที่กำหนดเช่นนี้เพื่อประโยชน์ในทางการบริหารมากกว่าการถือตามหลักพระคัมภีร์
ส่วนใหญ่ก็จะถือกันว่า 2-3 คนก็นับเป็นคริสตจักรได้แล้ว โดยยึดจากคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้ ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น” (มัทธิว 18:19-20)
หลายท่านก็ยึดถือ 12 คนนับเป็นคริสตจักรโดยยึดถือจากจำนวนอัครสาวกสิบสองคนของพระเยซู
บางทฤษฎียึดที่จำนวน 10 คน จากเรื่องในพระคัมภีร์ที่อับราฮัมต่อรองกับพระเจ้าโดยขอไม่ให้ทรงทำลายเมืองโสโดมโกโมราห์ หากมีจำนวนผู้ชอบธรรมในเมืองนั้นถึง 10 คน
เรื่องจำนวนเท่าไหร่จะนับเป็นคริสตจักรได้คงไม่มีวันถกเถียงกันได้จบแน่ เพราะพระคัมภีร์ไม่ได้มีข้อกำหนดในเรื่องนี้อย่างเจาะจง
ในโครงสร้างของคริสตจักรแบบเครือข่าย (รวมทั้งคริสตจักรแบบเซลล์เชิร์ช) จะถือว่า คริสตจักรสามารถมีจำนวนสมาชิกได้หลายแบบ มากก็ได้ น้อยก็ได้ หรือทั้งมากและน้อยในเวลาเดียวกันก็ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า "คริสตจักรที่เราอยู่มีขนาดเล็กที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ใหญ่ที่สุด" สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า คริสตจักรสามารถหมายถึงคริสตจักรย่อย แต่ก็เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกับคริสตจักรอื่นๆ จนเป็นเหมือนคริสตจักรเดียวกัน
โดยสรุปแล้ว ไ่ม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณสมบัติของคริสตจักรหรือจำนวนคนที่จะนับเป็นคริสตจักร หากท่านพิจารณาดีๆ จะพบว่า การตั้งคริสจักรนั้น...
"ไม่ยากอย่างที่คิด"
"ไม่ยากอย่างที่คิด"
คำถาม: คริสตจักรคืออะไร?
ตอบลบคำตอบ: มีคนหลายคนคิดว่าคริสตจักรคือตัวอาคาร แต่นี่ไม่ใช่ความหมายของคำว่าคริสตจักรตามแนวพระคัมภีร์ คำว่าคริสตจักรมาจากคำว่า “Ecclesia” ในภาษากรีก ซึ่งหมายความว่า “ที่ประชุม” หรือ “ผู้ที่ถูกเรียกออกมา” รากศัพท์ของคำว่า “คริสตจักร” ไม่ได้หมายถึงตัวอาคาร แต่หมายถึงผู้คน เมื่อท่านถามใครคนใดคนหนึ่งว่าเขาไปคริสตจักรไหน โดยปรกติเขาจะตอบว่า แบพติศ, เมโธดิสต์, หรือ นิกายอื่น ๆ ส่วนใหญ่เขาจะหมายถึงนิกายหรือตัวอาคาร หนังสือโรม 16:5 บอกว่า: “… และขอฝากความคิดถึงมายังคริสตจักรที่อยู่ในบ้านเขาด้วย…” ท่านเปโลพูดถึงคริสตจักรในบ้านของพวกเขา, ไม่ใช่ตัวอาคาร แต่เป็นกลุ่มผู้เชื่อ
คริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ หนังสือเอเฟซัส 1:22-23 กล่าวว่า “พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้ทรงอยู่เต็มทุกอย่างทุกแห่งหน” พระกายของพระคริสต์ประกอบด้วยผู้เชื่อทุกคนตั้งแต่สมัยเพนเทคศเตจนถึงวันที่พระองค์จะเสด็จมารับเรา พระกายของพระคริสต์ประกอบด้วย:
(1) คริสตจักรสากลคือคริสตจักรที่ประกอบด้วยทุกคนที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์ 1 โครินธ์ 12:13 กล่าวว่า “เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิวหรือพวกต่างชาติ เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายอันเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันนั้นซาบซ่านอยู่” เราจะเห็นว่าใครก็ตามที่เชื่อคือส่วนหนึ่งของพระกายของพระคริสต์ คริสตจักรของพระเจ้าที่แท้จริงไม่ใช่อาคารหรือนิกายใดทั้งสิ้น คริสตจักรสากลของพระเจ้าคือผู้ที่ได้รับความรอดโดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์
(2) คริสตจักรท้องถิ่นซึ่งได้มีกล่าวไว้ในหนังสือกาลาเทีย 1:1-2 ว่า: “เปาโล ผู้เป็นอัครสาวก … และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้า เรียน คริสตจักรทั้งหลายแห่งแคว้นกาลาเทีย” ตรงนี้เราจะเห็นว่ามีคริสตจักรหลายแห่งในเมืองกาลาเทีย – เราเรียกคริสตจักรเหล่านี้ว่าคริสตจักรท้องถิ่น คริสตจักรแบพติส, ลูเธอร์เร็น, คาทอลิก, ฯลฯ ไม่ใช่คริสตจักรดังเช่นคริสตจักรสากล - แต่เป็นคริสตจักรท้องถิ่น คริสตจักรสากลประกอบด้วยผู้ที่วางใจในพระคริสต์สำหรับความรอด คริสตจักรสากลเหล่านี้ควรแสวงหาความสัมพันธ์จากคริสตจักรท้องถิ่นและทำให้ตัวเองจำเริญขึ้น
สรุปว่า คริสตจักรไม่ใช่ตัวอาคารหรือคณะนิกาย ตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ คริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ – ทุกคนที่เชื่อในพระคริสต์สำหรับความรอด ( ยอห์น 3:16; 1 โครินธ์ 12:13) ผู้ที่ประกอบเป็นคริสตจักรสากล (พระกายของพระคริสต์) นมัสการพระเจ้าอยู่ตามคริสตจักรท้องถิ่นที่มีอยู่ทั่วไป
(ที่มา www.gotquestions.org/Thai/Thai-what-church.html)