ศิษยาภิบาลต้องตระหนักว่า เมื่อตัวเองไม่ได้ปรนนิบัติรับใช้คริสตจักรอย่างเต็มเวลา แต่ได้เอาเวลาส่วนหนึ่งไปทำงานเย็บเต็นท์ เพื่อช่วยค่าครองชีพของครอบครัว นั่นย่อมทำให้เกิดช่องว่างในการรับใช้ภายในคริสตจักรอย่างแน่นอน และช่องว่างนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของคริสตจักร แต่อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่จะเข้าเสริมส่วนที่ขาดไป ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในความรับผิดชอบของศิษยาภิบาล เมื่อมีผู้นำฆราวาสผู้ซึ่งมีทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และมีภาระใจที่จะเข้ามาช่วย นั่นก็เป็นพระพรและเป็นสิ่งที่ดียิ่ง ศิษยาภิบาลควรจะยินดีกับการกระทำเช่นนี้ของผู้นำฆราวาส ด้วยท่าทีการขอบคุณพระเจ้าและรู้สึกขอบคุณผู้นำฆราวาสคนนั้นด้วย
ประการที่สองเกี่ยวกับเรื่องอำนาจและตำแหน่งหน้าที่ควรรับผิดชอบศิษยาภิบาลควรตระหนักอยู่เสมอว่า ตัวท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงมอบหมายสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณในการเป็นผู้รับใช้ ดังนั้นศิษยาภิบาลก็ควรรู้จักมอบหมายสิทธิอำนาจที่ได้รับมาให้แก่ผู้อื่นในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรอย่างเหมาะสมและรอบคอบ สิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้านั้นก็เพื่อปรนนิบัติคริสตจักร ศิษยาภิบาลจึงควรใช้อำนาจนั้นในการบริหาร ปกครอง และมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับทุกคนที่อยู่ในทีมงานอย่างเหมาะสมตามความสามารถของแต่ละคน
ประการที่สาม ศิษยาภิบาลไม่ควรที่จะเปรียบเทียบตนเองกับผู้นำฆราวาสอย่างเด็ดขาด แต่ควรมีท่าทียอมรับความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกภาพ รูปแบบในการรับใช้ ความสัมพันธ์ที่มีต่อสมาชิกคริสตจักร ทักษะในการเทศนา การสอน และวิธีการนำของเขา เพราะหากมีการเปรียบเทียบเกิดขึ้นเมื่อใด ก็จะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างน้อยสองอย่างด้วยกันคือ ถ้าเปรียบเทียบแล้วรู้สึกว่า ผู้นำฆราวาสนั้นมีความเหนือกว่าตนก็อาจรู้สึกว่ามีปมด้อย แต่ถ้าเปรียบเทียบแล้วรู้สึกว่าตนมีความเหนือกว่าก็อาจก่อให้เกิดความหยิ่งขึ้นในจิตใจ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรเปรียบเทียบกัน แต่จงยอมรับซึ่งกันและกันอย่างที่ทั้งสองฝ่ายเป็น และให้เกียรติแก่กันในการรับใช้ด้วยความเป็นทีมอย่างแท้จริง
ประการที่สี่ จงเสริมสร้างซึ่งกันและกันในส่วนที่แต่ละฝ่ายยังบกพร่องหรือขาดอยู่ เพื่อพันธกิจจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ในกรณีเช่นนี้เราต้องตระหนักว่าในความแตกต่างระหว่างผู้นำทั้งฝ่ายนั้นมีพระพรมากมายซ่อนอยู่ เพราะสามารถช่วยกันป้องกันจุดอ่อนของกันและกัน การปรนนิบัติรับใช้ในคริสตจักร
ประการที่ห้า จงสร้างมิตรภาพและความไว้วางในระหว่างศิษยาภิบาลกับผู้นำฆราวาส เพราะถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดในสองเรื่องนี้ และยังมีเรื่องการกระทบกระทั่งส่วนตัวเพิ่มมาอีก อาจเป็นเหตุให้เกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ในขณะที่รับใช้ร่วมกันอย่างแน่นอน
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
July 15,2011
ขอขอบคุณ |
ดีมากครับ บางครั้งฆราวาสก็ชอบประเมิน ศบ.ตามระบบของบริษัท และชอบคิดและทำงานแบบระบบบริษัท เช่น งานลงทุนงบเท่านี้จะคุ้มได้เสียไหม หรือ ศบ.ทำงานไม่เกิดผลไม่คุ้มค่าจ้างบ้าง ฯลฯ
ตอบลบทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจกันอย่างมากและพร้อมที่จะให้อภัยกันอย่างมากด้วยเพราะหลักในการรับใช้หรือแนวคิดอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ก็มีจุดหมายเดียวกันคือปรนนิบัติพระเยซูคริสต์
ตอบลบ