คริสตจักรทุกยุคทุกสมัยไม่เคยอยู่โดดเดี่ยว แต่อยู่กันแบบเป็น "คริสตจักรเครือข่าย" เพราะยุคแรกถือว่ามีคริสตจักรเดียว (คริสตจักรสากล) และกระจายกันไปใช้ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ได้เน้นแต่คริสตจักรท้องถิ่นแห่งใดแห่งหนึ่ง
การที่คริสตจักรเ้น้นการอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะทำให้กำลังน้อย ของประทานน้อย ทรัพยากรน้อย โอกาสในการรับใช้น้อย ความหลากหลายน้อย แต่เมื่อได้เชื่อมโยงรวมตัวและช่วยเหลือกันเป็นเครือข่าย ก็จะทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม
ยิ่งคริสตจักรบ้าน หรือคริสตจักรเล็กยิ่งจำเป็น!
และแน่นอนว่า พระเยซูคริสต์ทรงประกาศสั่งสอนโดยเน้นให้ผู้คนได้เข้าสู่ "แผ่นดินของพระเจ้า" ไม่ได้เน้นที่คริสตจักร พระองค์ตรัสถึงแผ่นดินของพระเจ้าหรือแผ่นดินสวรรค์ (The Kingdom of God) มากมาย แต่ตรัสคำว่าคริสตจักรเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และครั้งเดียวที่ตรัสนั้นโดยบริบทก็หมายถึงคริสตจักรสากลด้วย
และจะทำอย่างไรให้คริสตจักรท้องถิ่นสามารถเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพล่ะ? และขณะเดียวกันก็อาจไม่จำเป็นต้องเป็นการมีอำนาจเหนือกันด้วย
...ก็เป็นเครือข่าย หรือ Networking กันไงล่ะ !!
การทำเครือข่ายทำให้คริสตจักรท้องถิ่นทุกแห่งสามารถสร้าง "อาณาจักรพระเจ้าที่แข็งแรง" ได้ ไม่ใช่เพียงอาณาจักรพระเจ้าที่เป็นเพียงสภาวะที่คริสตจักรท้องถิ่นได้แค่รู้จักกัน หรืออาจนมัสการร่วมกันก็เฉพาะคริสตมาสเท่านั้น!
และจะทำอย่างไรให้คริสตจักรท้องถิ่นสามารถเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพล่ะ? และขณะเดียวกันก็อาจไม่จำเป็นต้องเป็นการมีอำนาจเหนือกันด้วย
...ก็เป็นเครือข่าย หรือ Networking กันไงล่ะ !!
การทำเครือข่ายทำให้คริสตจักรท้องถิ่นทุกแห่งสามารถสร้าง "อาณาจักรพระเจ้าที่แข็งแรง" ได้ ไม่ใช่เพียงอาณาจักรพระเจ้าที่เป็นเพียงสภาวะที่คริสตจักรท้องถิ่นได้แค่รู้จักกัน หรืออาจนมัสการร่วมกันก็เฉพาะคริสตมาสเท่านั้น!
เรามาทำคริสตจักรเพื่ออาณาจักรพระเจ้า หรือ Church for the Kingdom กันดีไหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
นี่เป็นเวทีเสรีแต่โปรดสุภาพและไม่พาดพิงผู้อื่นอย่างไร้จริยธรรม รวมทั้งสนับสนุนให้ระบุชื่อจริง กองบก.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความและความคิดเห็นอีกทั้งอาจลบหรือแก้ไขหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ส่งความคิดเห็นโดยตรงต่อกองบก.ได้ที่ networkchurchministry@gmail.com