ท่านที่กำลังทำหรือประสงค์จะทำคริสตจักรเครือข่ายหรือคริสตจักรเครือข่ายบ้านหรือต้องการสนับสนุน โปรดแจ้งให้ทางพันธกิจทราบเพื่อจะได้ช่วยเชื่อมโยงกับที่อื่นๆเพื่อจะช่วยเหลือกันและกันได้อย่างกว้างขวาง แจ้งมาที่ networkchurchministry@gmail.com / ดาวโหลดเอกสารแนะนำ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ภาวะเศรษฐกิจส่งผลต่อการปรับตัวของคริสตจักร

ภาวะเศรษฐกิจส่งผลต่อการปรับตัวของคริสตจักร

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจขาลงมีผลกระทบอย่างมากต่อคริสตจักรหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องถูกปิดตัวลง หนังสือ Wall Street Journal พาดหัวข่าว "Churches Find End in Nigh" หรือ คริสตจักรที่เกือบจะพบจุดจบ  โดยรายงานนี้ พบว่า มีคริสตจักรราวๆ 200 แห่งได้ปิดตัวลงแล้ว เนื่องจากภาวะการเงินจากธนาคาร และ Dan Mike (vice president of church banking) คาดว่า อีกจำนวนหลายร้อยแห่งจะตกอยู่ในสภาวะการเงินเช่นเดียวกัน ที่อาจจะจะต้องปิดตัวลง

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คริสตจักรเมก้าเชิร์ช วิหารแก้ว "คริสตัลคาธีดรัล" ขายใช้หนี้ล้มละลาย

คริสตจักรเมก้าเชิร์ช วิหารแก้ว  "คริสตัลคาธีดรัล"
ในแคลิฟอเนียเตรียมขายอาคารโบสถ์ เพื่อให้พ้นจากการล้มละลายจากหนี้ 11
ล้านเหรียญ



http://www.sacbee.com/2011/05/27/3658079/crystal-cathedral-to-be-sold-as.html

http://news.yahoo.com/nphotos/FILE---Crystal-Cathedral-seen-Dec-17-2004-Garden-Grove/photo//110527/480/urn_publicid_ap_org6339e46d35874191ad010a9d0f60b5d8//s:/ap/20110527/ap_on_re_us/us_crystal_cathedral_bankruptcy

การสำรวจการควบรวมคริสตจักรในสหรัฐ

บทความนี้เป็นการรายงานผลการสำรวจเกี่ยวกับการควบรวมคริสตจักร (Church Merge)  ที่ดำเนินการโดย Leadership Network research ที่ทำในปี 2011  และได้รายงานไว้ในเดือนมีนาคม 2011  ในเวบไซท์ http://www.churchexecutive.com/    ผู้รายงานคือ จิม ทอมเบอลิน (Jim Tomberlin)  มีเนื้อหาโดยสรุปว่า  2เปอร์เซ็นต์ของคริสตจักรในสหรัฐอเมริกามีการควบรวมตัวกับคริสตจักรอื่นในช่วงสองปีที่ผ่านมา   และคริสตจักรอีก 8 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าอาจมีการควบรวมกับคริสตจักรอื่นภายในสองปีข้างหน้า    สิ่งคล้ายคลึงกันนี้กำลังเกิดขึ้นเป็นกระแสในแวดวงคริสตจักรทั้งในแคนาดา  ยุโรป ออสเตรเลีย  และในที่อื่นๆ ที่คริสตจักรได้ตั้งรากฐานมายาวนานแล้ว  

มีสามเหตุผลหลักที่ทำให้การควบรวมคริสตจักรเกิดมากขึ้น  ซึ่งแต่ละคริสตจักรก็มีเหตุผลหลักไม่เหมือนกัน  คือ

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ท่านสามารถมีส่วนร่วมในพันธกิจคริสตจักรเครือข่าย

เรียน พี่น้องในพระคริสต์

ทุกท่านสามารถมีส่วนร่วมในพันธกิจคริสตจักรเครือข่ายในหลายๆ วิธี  และทางผู้ประสานงานก็สามารถช่วยท่านได้ในหลายๆ วิธี  ดังต่อไปนี้

สำหรับผู้ที่พร้อมจะเป็นผู้ให้

1. เปิดสถานที่ให้ใช้  
หากท่านมีอาคารคริสตจักร หรืออาคารใดๆ  ที่สามารถเปิดให้ใช้เป็นที่ประชุมนมัสการได้   เพื่อให้คริสตจักรอื่นหรือผู้รับใช้อื่นเข้าไปใช้เพือการประกาศและตั้งคริสตจักรเพิ่ม      ขอโปรดแจ้ง   เพื่อเราจะช่วยประชาสัมพันธ์  เพื่อให้คริสตจักร/กลุ่มอื่นสามารถเข้าไปติดต่อได้   ส่วนเงื่่อนไขต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับการปรึกษาหารือกัน

ข่าวจากคริสตจักรฤทธิ์พระคุณ

เนื่องด้วยคริสตจักรฤทธิ์พระคุณได้ดำเนินการแบบคริสตจักรเครือข่าย เพื่อหวังให้สถานที่ถูกใช้เพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้าให้มากที่สุด จึงขอเรียนเชิญคริสตจักร/กลุ่ม หรือผู้ที่สนใจตั้งคริสตจักร  ติดต่อเพื่อใช้ดำเนินการทำพันธกิจได้ ที่ ศบ.เนตรศักดิ์  tagrace777@gmail.com  โทร 0892623170  ขณะนี้มี 3-4 คริสตจักรที่มาสถานที่ร่วมกันแล้ว และใช้ในหลายวันเวลา  แต่ก็ยังสามารถมีเพิ่มได้อีกมาก  รวมถึงช่วงวันอาทิตย์เช้าซึ่งก็ยังว่างอยู่เช่นกัน   สถานที่คือ คริสตจักรฤทธิ์พระคุณ ปากซอยลาดพร้าว 130/2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.10240  

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กำแพงของคริสตจักรท้องถิ่น

"อาจารย์คะ  เมื่อก่อนทีดิฉันยังอยู่ในศาสนาเดิม  ดิฉันไปทำบุญเจ็ดวัดได้
ไปฟังเทศน์วัดไหนกับหลวงพ่อไหนก็ได้
แต่ทำไมพอดิฉันมาเป็นคริสเตียนแล้วถึงทำไม่ได้ล่ะคะ
ต้องถวายให้โบสถ์เดียว   ฟังเทศน์ที่โบสถ์เดียว"


"อาจารย์ครับ  ทำไมโบสถ์อื่นใกล้ๆ เขาไม่มีทีมนมัสการ
แต่เรามีตั้งหลายทีม  เราไม่ส่งบางทีมไปช่วยนำให้เขาหน่อยหรือครัับ"


ครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังฟัง อ.ริค วอเรน เทศนา  ท่านเล่าว่า
ท่านได้ส่งผู้รับใช้ที่มีของประทานหลายคนไปช่วยคริสตจักรหลายแห่ง
ที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคริสตจักรที่ท่านดูแลอยู่มาก  ในเขตลอสแองเจลิส
โดยทางคริสตจักรสัญญาว่าจะจ่ายเงินเดือนให้ผู้รับใช้เหล่านั้นไปเรื่อยๆ
และมีเงื่อนไขว่า  ให้รับใช้ที่นั่นให้ดีที่สุด
...และไม่ต้องกลับมา !!!

****

คริสตจักรวันธรรมดา และคริสตจักรแบบเซเว่น

โดย ดร.ศิลป์ชัย  เชาว์เจริญรัตน์

"ดิฉันทำงานห้างสรรพสินค้า  ห้างไม่ให้หยุดวันเสาร์อาทิตย์เด็ดขาดเลยค่ะ  หยุดวันอื่นได้ ถ้าหยุดวันอาทิตย์ให้ลาออกไปเลยค่ะ"

"เรียนพิเศษทุกเสาร์อาทิตย์ค่ะ  ไปโบสถ์ไม่ได้เลย"

"ขายของที่แหล่งท่องเที่ยวครับ   ต้องขายเสาร์อาทิตย์ตลอดครับ  วันธรรมดาขายไม่ได้ ไม่มีนักท่องเที่ยว  ไปโบสถ์ไม่ได้เลยครับ"

"ต้องเข้าเวรเสาร์อาิทิตย์ตลอด  แลกไม่ได้เลย  ไม่มีโอกาสไปโบสถ์เลยค่ะ"

...นี่เป็นปัญหาที่คริสเตียนจำนวนมากต้องเผชิญอยู่  โดยเฉพาะคนที่อยู่ในธุรกิจภาคบริการ  ธุรกิจท่องเที่ยว   งานที่ต้องมีการเข้าเวรทุกวันและยี่สิบสี่ชั่วโมง เช่น โรงพยาบาล  ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษาในยุคที่ต้องแข่งขันกันมากกว่าอดีต ฯลฯ

อย่างไรถึงจะนับเป็นคริสตจักร

ก่อนจะบอกว่า "อย่างไรถึงจะนับเป็นคริสตจักร"  เราต้องเข้าใจก่อนว่า ในทางศาสนศาสตร์นั้น เป็นที่ยอมรับกันว่า ที่จริงแล้วพระเยซูคริสต์เองไม่เคยตรัสเรื่องคริสตจักรท้องถิ่นเลย  ทรงตรัสถึงคริสตจักรเดียว ในครั้งที่ทรงตรัสกับเปโตรว่า  บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้” (มัทธิว 16.13-18) ซึ่งเป็นลักษณะของคริสตจักรสากลทั่วโลก   แต่หลักศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักรมีเนื้อหามากขึ้นจากการเพิ่มเติมของท่านเปาโล   แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่เชื่อกันในหมู่นักศาสนศาสตร์หลายท่านว่า ที่จริงแล้วศาสนศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องคริสตจักรนั้นจะถือเป็นหลักข้อเชื่อได้หรือไม่  หรือเป็นเพียงแนวทางที่ปรับปรุงพัฒนาได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์     ซึ่งเราก็คงยังไม่มีเวลาที่จะลงรายละเอียดทั้งหมด ณ ที่นี้   แต่ขอเสนอบางประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้ั


วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คริสตจักรท้องถิ่น คริสตจักรสากล และคริสตจักรเครือข่าย

ในทางศาสนศาสตร์นั้น เป็นที่ยอมรับกันว่า ที่จริงแล้วพระเยซูคริสต์เองไม่เคยตรัสเรื่องคริสตจักรท้องถิ่นเลย  ทรงตรัสถึงคริสตจักรเดียว ในครั้งที่ทรงตรัสกับเปโตรว่า  บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้(มัทธิว 16.13-18) ซึ่งเป็นลักษณะของคริสตจักรสากลทั่วโลก   

แต่หลักศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักรมีเนื้อหามากขึ้นจากการเพิ่มเติมของท่านเปาโล   แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่เชื่อกันในหมู่นักศาสนศาสตร์หลายท่านว่า ที่จริงแล้วศาสนศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องคริสตจักรนั้นจะถือเป็นหลักข้อเชื่อได้หรือไม่  หรือเป็นเพียงแนวทางที่ปรับปรุงพัฒนาได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์  

ถ้าเราอ่านพระธรรมกิจการและพระธรรมหมวดจดหมายฝากทั้งหมด  เราคงจะเห็นภาพว่า คริสตจักรในพระคัมภีร์ใหม่ เน้นถึงคริสตจักรสากลมาก   ดังที่กล่าวตอนต้นมาแล้วว่า พระเยซูทรงตั้งคริสตจักรเดียวซึ่งเป็นคริสตจักรสากล และพระคัมภีร์ไม่เคยเน้นคริสตจักรท้องถิ่น   การกล่าวถึงคริสตจักรท้องถิ่นจะกล่าวถึงด้วยคำว่า "คริสตจักรในเมือง...."   หรือ "คริสตจักรในบ้านของ...."    (ว่าไปก็คงเหมือนกับเซเว่นทุกสาขาต่างก็เป็นธุรกิจเดียวกันแต่แยกเป็นสาขาต่างๆ)

แต่ปัจจุบันนี้เน้นคริสตจักรท้องถิ่นมาก  ซึ่งก็คงไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของใคร  การที่ทุกวันนี้คริสเตียนเราเน้นคริสตจักรท้องถิ่นมากกว่าคริสตจักรสากลก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์คริสตจักรที่มีการแยกตัวระหว่างของคาทอลิกกับโปรเตสแต๊นท์  และในหมู่โปรเตสแต๊นท์ก็มีการแยกตัวเป็นนิกายหรือคณะใหม่อยู่โดยตลอด  จึงทำให้เกิดเป็นนิกายย่อยใหม่ๆ อย่างไม่รู้จบ

เราอาจต้องย้อนกลับมาตระหนักอย่างจริงจังอีกครั้งว่า การมีคริสตจักรท้องถิ่นไม่ควรทำให้เรามองข้ามคริสตจักรสากล  เราต้องตระหนักว่า เราเป็นสมาชิกของคริสตจักรเดียวของพระเยซู  และคริสตจักรทุกแห่งล้วนเป็นเพียงสาขาหนึ่งของคริสตจักรของพระเยซูเท่านั้น

อาจเปรียบได้กับเซเว่นอีเลฟเว่นซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วประเทศไทยกำลังจะถึงเจ็ดพันแห่ง  แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นธุรกิจเดียวกัน  มีสำนักงานใหญ่อยู่ถนนสีลม

การตระหนักเ่ช่นนี้จะดีมีประโยชน์อย่างไรหรือ?

ประโยชน์ก็คือ เราจะไม่ทำให้คริสตจักรท้องถิ่นที่เราดำเนินการอยู่แยกตัวจากคริสตจักรสากล       และเราจะไม่มุ่งแต่ประโยชน์ของคริสตจักรท้องถิ่นจนมองข้ามประโยชน์ของคริสตจักรสากล

ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะทำคริสตจักรเพื่ออาณาจักรพระเจ้า (Church for the Kingdom) ไม่ใช่คริสตจักรเพื่ออาณาจักรส่วนตัว (Church for the Empire)


มีคำพูดภาษาอังกฤษวลีหนึ่งที่น่าสนใจบอกไว้ว่า  "Think Globally, Act Locally"
แปลง่ายๆ ก็คงได้ว่า  คิดระดับโลก แต่ทำระดับท้องถิ่น   ประยุกต์ใช้กับเรื่องนี้ได้ว่า เราต้องพยายามมองภาพคริสตจักรสากลหรือพระกายของพระคริสต์ แล้วทำผ่านลงมาในคริสตจักรท้องถิ่น   การรู้จักมองภาพของคริสตจักรสากลจะทำให้เรามองเห็นภาพรวมรอบด้านของพระกายพระคริสต์ได้ดีขึ้น   และจะทำให้เราเห็นความสำคัญของคริสตจักรอื่นๆ ทั้งหมด   จะเห็นว่าคริสตจักรทุกแห่งนั้นล้วนสำคัญ  มีคุณค่า  และมีความเกี่ยวพันกันในฝ่ายวิญญาณเพราะล้วนเป็นอวัยวะในพระกายพระคริสต์   และสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้เราทำคริสตจักรท้องถิ่นได้ดีขึ้น  คือทำคริสตจักรท้องถิ่นได้สอดคล้องกับภาพคริสตจักรสากลได้ดีขึ้น  และก็เท่ากับเราเห็นภาพของคริสตจักรเครือข่ายได้ชัดเจนขึ้นในเวลาเดียวกัน

ซึ่งการที่เราทำคริสตจักรท้องถิ่นให้สอดคล้องไปกับคริสตจักรสากลเช่นนี้  ก็เท่ากับเรากำลังทำคริสตจักรเครือข่ายแล้ว

คริสตจักรเครือข่ายก็เป็นการเชื่อมโยงให้คริสตจักรท้องถิ่นหลายๆแห่ง ที่ไม่ว่าจะขนาดใดหรืออยู่ใกล้ไกล  ให้สามารถเชื่อมโยงกันและทำพันธกิจร่วมกันในหลายรูปแบบจนขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นเป็นคริสจักรเดียวกัน

จริงอยู่ว่า เราคงไม่อาจทำให้ภาพของคริสตจักรสากลกลับไปเหมือนในคริสตจักรยุคแรกได้  เพราะสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้พาเรามาไกลจากเดิมมากเสียจนเกินกว่าหวนคืนแล้ว เว้นแต่พระเจ้าจะทรงทำิสิ่งอัศจรรย์ขึ้นมา  

แต่ถึงกระนั้นถ้าเราทำบางสิ่งบางอย่างให้ดีกว่าเดิมได้บ้าง ก็ย่อมเป็นที่พอพระทัยพระเจ้ามิใช่หรือ!!!

ใครๆ ก็ตั้งคริสตจักรได้

ใครๆ ก็ตั้งคริสตจักรได้


เป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องคริสเตียนจำนวนมากมีใจอยากรับใช้พระเจ้าในการตั้งคริสตจักร แต่ไม่กล้า ด้วยสาเหตุหลายประการด้วยกัน  สิ่งที่ได้ยินบ่อยในการสัมนา มีดังนี้
  • ไม่มีสถานที่   ซึ่งก็รวมไปถึงไม่มีเงินเช่า หรือซื้อสถานที่ 
  • ไม่มีทุนทรัพย์  ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์ เช่น เก้าอี้  เครื่องดนตรี  เครื่องฉาย  เครื่องฉา่ยภาพ  แอร์  เครื่องครัว  ฯลฯ
  • ไม่มีความสามารถ  ไม่ว่าจะเป็นการเทศนา  การสอน  การนำนมัสการ  การเล่นดนตรี  การประกาศ
  • ไม่มีทีมงานเริ่มต้น  อยากเริ่มแบบมีคนร่วมพอสมควร  สิบคนยี่สิบคนก็ยังดี
  • กลัวทำแล้วไปไม่รอด  จะเสียหน้า และทำให้พระเจ้าเสียเกียรติ
  • สมาชิกครอบครัวไม่เอาด้วย  อยากอยู่ในโบสถ์ที่มีทุกอย่างพร้อมแล้ว  อยู่กับเพื่อนๆ ที่คุ้นเคย  ไม่อยากเปลี่ยนแปลงและไม่อยากลำบาก
  • ผู้นำไม่อยากให้ออกไป  อยากให้ช่วยงาน  และอยากให้คนอยู่รวมตัวกันเยอะๆ  มากกว่ากระจายไปตั้งคริสตจักรใหม่   
  • ไม่ใช่ของประทาน   ไม่มีการทรงเรียก   ไม่รู้สึกว่าพระเจ้านำ  
  • รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความเป็นผู้นำ
  • ฯลฯ
 ท่านผู้อ่านคิดว่า  เหตุผลเหล่านี้ดีพอที่จะทำให้เราควรหยุดการตั้งคริสตจักรหรือไม่?
ช่วยคิดหาคำตอบหน่อย

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อยากเริ่มคริสตจักรเครือข่าย จะทำอย่างไร?


หากท่านอยากเริ่มคริสตจักรเครือข่าย แล้ว  จะทำอย่างไร?   ลองเริ่มด้วยวิธีดังนี้ 

1. ศึกษารูปแบบต่างๆ ของคริสตจักรเครือข่าย   เมื่ออ่านบทความเรื่อง "คริสตจักรเครือข่ายคืออะไร" จะเห็นว่า มี 3 รูปแบบใหญ่ และยังมีแบบย่อยๆ อีกหลายแบบ    เช่น จะทำแบบเครือข่ายคริสตจักรตามบ้าน   หรือแบบคริสตจักรแบ่งปันสถานที่   หรือแบบคริสตจักรหุ้นส่วน   เป็นต้น

2. ดูภาระใจของท่าน  ว่ารู้สึกชื่นชอบและอยากทำคริสตจักรเครือข่ายในรูปแบบใดเป็นพิเศษ หรือแบบใดที่ท่านรู้สึกถนัด  หรือเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันของท่าน

3. ดูของประทานของท่าน   ว่าทำอะไรได้บ้าง   นำนมัสการได้ หรือเทศนาได้   หรือนำอธิษฐาน   ประกาศ  สอน   ฯลฯ

4. ดูทรัพยากรของท่าน   มีกำลังทรัพย์สนับสนุนได้เพียงใด  มีอาคารสถานที่ที่ใช้ประชุมได้หรือไม่อย่างไร   ทำเลเป็นอย่างไร  มีอุปกรณ์ประกอบเพียงไร    เรามีเวลาเพียงใด  สะดวกวันเวลาใด   คนในครอบครัวสนับสนุนร่วมด้วยเพียงใด ฯลฯ

5. ดูทีมงานของท่าน   มีคนร่วมด้วยในการเริ่มต้นกี่คน   แต่ละคนมีภาระใจ  ของประทานความสามารถ  ทรัพยากร  เวลา  รวมทั้งความเติบโต  เป็นอย่างไร

6. ดูกลุ่มคน/กลุ่มเป้าหมายของท่าน   ท่านปรารถนาจะทำพันธกิจกับคนกลุ่มใดบริเวณใดเป็นพิเศษ  

7. ดูการทรงนำของท่าน   โดยการอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์อย่างจริงจัง ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เคลื่อนใจเรา  และเปิดเผยถึงพระประสงค์ต่อเส้นทางชีวิตของเรา

8. หาเครือข่ายที่ท่านเชื่อมโยงได้   อาจเริ่มจากปรึกษามายังศูนย์ประสานงานคริสตจักรเครือข่าย ตามที่อยู่ติดต่อที่ระบุไว้ในเวบไซท์ 

9. ลงมือทำเลย !!!  อย่ามัวรอว่าทุกอย่างต้องพร้อม   เริ่มจากการทำในแบบที่พอทำได้   ทำคริสตจักรแบบง่ายๆ และถูกๆ ก็ได้  ไม่จำเป็นต้องทำแบบยากและแพง  (ภาษาอังกฤษเขาเรียก Simply Church)  ไม่จำเป็นต้องเป็นวันอาทิตย์เช้าก็ได้   แล้วพอเริ่มทำไปแล้วก็ค่อยปรับเปลี่ยนรูปแบบอีกก็ยังได้  พระเจ้าจะทรงเปิดหนทางใหม่ๆ ให้    แม้แต่ทำแล้วพบปัญหาจะหยุดก่อนชั่วคราวก็ยังได้   ขอเพียงให้เริ่มทำทันที

คำถามที่ถามบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับคริสตจักรเครือข่าย

คำถามที่ถามบ่อย (FAQ)  เกี่ยวกับคริสตจักรเครือข่าย

1. การเป็นคริสตจักรแบบเครือข่าย จะเกิดปัญหาเรื่องแย่งลูกแกะหรือไม่?

       แท้จริงแล้ว การยิ่งร่วมงานกันใกล้ชิดก็จะทำให้ยิ่งช่วยเหลือกันและยิ่งให้เกียรติกันมากขึ้น ลูกแกะทั้งหมดก็จะรักกันและช่วยเหลือกันไปมา แต่หากคิดในอีกด้าน ที่จริงแล้วประเด็นเรื่องการแย่งลูกแกะก็เป็นข้อถกเถียงในระดับโลกว่า เป็นข้อเท็จจริงเชิงภววิสัย หรือเป็นเรื่องของอัตวิสัย (คิดและรู้สึกไปเอง)

แท้จริงคริสเตียนทุกคนล้วนแต่เป็นแกะของพระเ้จ้า และมีสิทธิในตนเอง ผู้นำทุกท่านก็เป็นเพียงผู้เลี้ยงแกะให้แก่พระเยซูคริสต์ ซึ่งทุกท่านก็ย่อมจะได้รับความรักและพระพรของตนเองอย่างเหมาะสม ทั้งจากมนุษย์และพระเ้จ้า แต่ในส่วนของพี่น้องสมาชิกนั้น เป็นที่ยอมรับกันในทางพันธกิจวิทยาว่า การที่คริสเตียนได้รู้จักกับพี่น้องคริสเีตียนอื่นๆ อย่างกว้างขวาง จะช่วยให้คริสเตียนมีส่วนในพระกายพระคริสต์มากกว่าติดอยู่กับกลุ่มๆ เดียว ได้เปิดโลกทัศน์อย่างกว้างขวางเพราะมีโอกาสเห็นความหลากหลายที่ไม่ผิด มีโอกาสได้รับพระพรผ่านทางผู้รับใช้หลากหลายมากขึ้น ไม่ตกอยู่ในการครอบงำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งจนอาจเป็นอันตราย ได้มีโอกาสเปรียบเทียบและตรวจสอบคำสอนของบุคคลต่างๆ      และเป็นโอกาสให้ผู้รับใช้ได้เป็นพรกับผู้คนมากขึ้น


2. คริสตจักรที่ความเชื่อ หรือหลักการบางอย่างไม่เหมือนกัน จะร่วมกันในคริสตจักรแบบเครือข่ายกันได้หรือไม่? 

ขึ้นอยู่กับว่าไม่เหมือนกันเพียงใด แต่ธรรมชาติของคริสตจักรแบบเครือข่ายจะมีใจเปิดกว้างให้มากที่สุด  ยอมรับความหลากหลายที่ไม่ผิดบาปหรือไม่ผิดพระคัมภีร์ให้มากที่สุด    เพื่อจะพยายามร่วมมือกันให้มากที่สุด   โดยทุกคนจะพยายามปรับตัวและยอมรับความแตกต่างของกันและกันให้มากที่สุด เว้นเสียแต่จะเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าเป็นคำสอนเท็จ หรือการปฏิบัติที่ผิดชัดเจน และเป็นอันตรายต่อพระกายของพระคริสต์ ทั้งนี้ก็จะต้องยึดถือตามพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่มีการตีความหมายอย่างสมดุล 

3. จะมีปัญหาไหมว่า จะมีการเอาเปรียบกันในคริสตจักรแบบเครือข่าย?

คณะผู้นำ่ของคริสตจักรเครือข่ายย่อมต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ และทุกเรื่องสามารถตกลงกันได้ และยืดหยุ่นได้ ในความรักความเข้าใจและความยุติธรรมที่มีให้แก่กันและกันตามวิสัยของลูกของพระเจ้า แต่เป็นเรื่องปกติที่ผู้นำและกลุ่มที่เข้มแข็งกว่าเติบโตกว่า จะเอื้อเฟื้อแก่ผู้นำและกลุ่มที่อ่อนกำลังกว่า แต่กลุ่มที่อ่อนกำลังกว่าและต้องพึ่งพิงก็จะต้องแสดงความจริงใจและความขอบคุณ  ไม่เอาเปรียบกลุ่มที่เอื้อเฟื้อให้   รวมทั้งต้องพยายามรับผิดชอบอย่างเต็มที่ที่สุด

ยังมีคำถามถามบ่อยอื่นๆ อีกมาก ซึ่งไม่อาจบันทึกได้หมด ณ ที่นี้ แต่ทุกเรื่องสามารถมีหนทางปรับตัวและแก้ไขได้เสมอ หากเรามีความรักซึ่งกันและกันมากพอ

4. ต้องออกจากสังกัดคณะเดิมหรือไม่?
ไม่ต้อง  เรายังสามารถสังกัดอยู่กับสังกัดคณะเดิม  หรือแม้แต่การเป็นคริสตจักรลูกของคริสจักรเดิมๆ  เป็นสมาชิกของกลุ่มคริสตจักรเดิมๆ ทุกประการ    เรื่องของการเป็นคริสตจักรเป็นเรื่องของการช่วยเหลือกันในการรับใช้พระเจ้าเท่านั้น  ไ่ม่สนใจเรื่องคณะนิกาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎในคำสอนของพระคัมภีร์หรือในคริสตจักรสมัยแรกแต่อย่างใด  

5. หากพบภายหลังคริสตจักรที่มาร่วมเป็นเครือข่ายกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม  หรือไม่ทำตามทีเคยตกลงกันไว้ในตอนแรก   หรือเปลียนไปสู่สิ่งที่ไม่ถูกต้อง  จะำทำอย่างไร?
บรรดาคริสตจักรในเครือข่ายสามารถร่วมกันพิจารณา  สอบถามและพิจารณาด้วยความรักและความยุติธรรม  ให้การเตือนสติ  รวมทั้งให้โอกาสเปลี่ยนแปลง   และหากสุดท้ายผู้นำท่านนั้นหรือคริสตจักรแห่งนั้นไม่แสดงการกลับใจ  ก็เป็นเรื่องสมควรที่คริสตจักรเครือข่ายจะพิจารณาถอนผู้นำท่านนั้นหรือคริสตจักรนั้นออกจากการเป็นสมาชิกของคริสตจักรเครือข่าย  รวมทั้งตัดสิทธิการใช้สถานที่หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ด้วย   ทั้งนี้ให้ดำิเนินการไปตามหลักการของวินัยคริสตจักรตามที่พระคัมภีร์สอน    แต่อย่างไรก็ตาม หากหลังจากนั้นผู้นำหรือคริสตจักรนั้นกลับใจและขอกลับเข้่ามาร่วมในคริสตจักรเครือข่ายอีกครั้ง ก็สามารถพิจารณารับกลับเข้ามาได้

อุปสรรคของคริสตจักรเครือข่าย และค่านิยมที่ทำให้เกิดคริสตจักรเครือข่าย



อุปสรรคของคริสตจักรเครือข่าย  
และค่านิยมที่ทำให้เกิดคริสตจักรเครือข่าย 
Obstacles and Core Value for Network Church 

ศิษยาภิบาลไทยหลายต่อหลายท่านบอกตรงกันว่าคริสตจักรเครือข่ายเป็นเรื่องที่เกิดได้ยากมากในประเทศไทย   เมื่อถามว่าทำไมท่านคิดเช่นนั้น  คำตอบส่วนใหญ่มักมีดังนี้
  1. กลัวสูญเสียอำนาจและความโดดเด่นที่เคยมีสูงสุดเพียงลำพัง  กลัวสูญเสียความภักดีอย่างเต็มขนาดที่เคยได้รับจากสมาชิก    ศบ.บางท่านบอกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันยาก
  2. ผลประโยชน์จะขัดกัน  กลัวสูญเสียเงินถวายของสมาชิกไปให้แก่คริสตจักรอื่น  
  3. หวงและห่วงทรัพย์สิน   ไม่อยากต้องแบ่งปันทรัพย์สินที่มีให้คริสตจักรอื่นมาใช้ประโยชน์  กลัวเสีย 
  4. กลัวลูกแกะจะไปติดคน คจ.อื่น
  5. ไม่อยากแบ่งธรรมาสก์เทศน์กับนักเทศน์คนอื่น หรือ กลัวต้องถูกเปรียบเทียบ ว่านักเทศน์คนไหนดีกว่า  คจ.ไหนดีกว่า 
  6. กลัวว่าจะมีปัญหาขัดแย้งหรือทำงานยากเพราะความเชื่อหรือวัฒนธรรมองค์กรแตกต่างกัน     หรือกลัวคำสอนเท็จของคริสตจักรอื่นจะมาทำให้คนของตนเองหลงผิด  ฯลฯ
  7. กลัวมีปัญหากับคณะต้นสังกัด   
ท่านผู้อ่านคิดว่าปัญหาที่ ศบ.หลายท่านกล่าวมาข้างต้น เป็นอย่างไร  และท่านมีคำตอบสำหรับความกังวลเหล่านี้อย่างไร  รบกวนลองตอบลงในส่วนแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ

คริสตจักรแบบเครือข่าย หรือ Network Church คืออะไร

 คริสตจักรแบบเครือข่าย หรือ Network Church  คืออะไร 

คริสตจักรแบบเครือข่าย (Network Church)  คือคริสตจักรแห่งการร่วมมือกันและช่วยเหลือกันอย่างลึกซึ้งของกลุ่มคริสตจักรท้องถิ่นในหลากหลายรูปแบบ จนเป็นเสมือนกับเป็นคริสตจักรเดียวกัน      




คริสตจักรเครือข่ายเป็นคริสตจักรท้องถิ่นในรูปแบบใหม่ ซึ่งมีรูปแบบพื้นฐานอยู่ 3 รูปแบบดังนี้

รูปแบบแรก คือแบบ House Church Network (คริสตจักรเครือข่ายบ้าน) หรือกลุ่มคริสตจักรตามบ้านที่มีการเชื่อมโยงกัน ช่วยเหลือกัน และรวมตัวนมัสการด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ อาจรวมตัวกันทุกสัปดาห์หรือเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง ก็แล้วแต่ตกลงกัน โดยอาจไปเช่าหรือใช้สถานที่ที่ใดที่หนึ่ง และทั้งหมดเคลื่อนเสมือนเป็นคริสตจักรเดียวกัน รูปแบบนี้มักเป็นกรณีของการทำกลุ่มคริสตจักรตามบ้าน(หรือตามที่ต่างๆ)ที่ไม่มีอาคารสถานที่เป็นของตนเอง

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ภาพพิธีเปิดอาคารนมัสการใหม่คริสตจักรฤทธิ์พระคุณ และ NCC (Network Church Center ศูนย์คริสตจักรเครือข่าย)

อ.เนตรศักดิ์  ไสรังกา 
ศิษยาภิบาลคริสตจักรฤทธิ์พระคุณ

ภาพพิธีเปิดอาคารนมัสการใหม่คริสตจักร ฤทธิ์พระคุณ และ NCC (Network Church Center ศูนย์คริสตจักรเครือข่าย) ณ บ่ายวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา   สถานที่ตั้งอยู่ที่ปากซอย ลาดพร้าว 130/2  กรุงเทพ   ขอบคุณ ศิษยาภิบาลหลักของคริสตจักรฤทธิ์พระคุณคือ ศบ.เนตรศักดิ์  ไสรังกา  ท่านปรารถนาอยากเห็นคริสตจักรแบบเครือข่ายเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศ ไทย  จึงตัดสินใจนำคริสตจักรที่ท่านบุกเบิกขึ้นมาให้กลายเป็นคริสตจักรแบบเครือข่าย  และมุ่งมั่นอยากเห็นคริสตจักรเครือข่ายเกิดขึ้นทั่วประเทศ 

กลาง ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ แบ่งปันเรื่องคริสตจักรเครือข่าย  ซ้ายสุด
ขวาสุด ศจ.ดร.วีรชัย โกแวร์ เป็นผู้เทศนา 

คริสตจักรเครือข่ายบ้าน's Facebook Wall