 |
| ภาพอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในเมืองไทยที่เราเห็นชินตา ลองจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากมี "คริสตจักร" เกิดขึ้นในทุกอพาร์ทเม้นท์ |
เขตเทนเดอร์ลอยน์ในเมืองซานฟรานซิสโกซึ่งมีพื้นที่หนึ่งตารางไมล์ มีคนอาศัยอยู่ราว 37,000 คน อาศัยอยู่ในอาคารที่เป็นอพาร์ทเม้นท์ถึง 568 ตึก และผู้รับใช้พระเจ้าท่านหนึ่งชื่อ ฟรานซิส ชาน ผู้เขียนหนังสือ Crazy Love และอดีตศิษยาภิบาลของคริสตจักร Cornerstone Community Church ซึ่งได้เริ่มพันธกิจใหม่ โดยปรารถนาจะตั้งคริสตจักรในอพาร์ทเม้นท์ทุกตึกให้มี "คริสตจักรอพาร์ทเม้นท์" หนึ่งแห่งในทุกๆ อพาร์ทเม้นท์
ฟรานซิส ชานกำลังริเริ่มโครงการใหม่ที่เรียกว่า "การดูแลชุมชนบนตึก" องค์กร SFCI (San Francisco City Impact-เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่รับใช้อยู่ในพื้นที่ซานฟรานซิสโกมาเป็นเวลา 29 ปี มีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงซานฟรานซิสโก โดยการช่วยเหลือเขตที่มีสภาพย่ำแย่ที่สุดในพื้นที่ นั่นก็คือ เขตเทนเดอร์ลอยน์ - ผู้แปล) จะเป็นฝ่ายจัดหาอาหาร เสื้อผ้า และที่พักอาศัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในซานฟรานซิสโก โดยมีคริสเตียนท่านหนึ่งชื่อ ฮวาง เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานโครงการที่ริเริ่มขึ้นใหม่นี้ คุณฮวางได้กล่าวแก่คริสเตียนโพสต์ว่า โครงการดูแลชุมชนบนตึกได้เข้ามาช่วยเติมเต็มความต้องการของคนในชุมชนซึ่งไม่เคยได้รับมาก่อน มันเป็นองค์ประกอบส่วนที่ขาดหายไปขององค์กรซี้ตี้อิมแพ็ค
แนวคิดในเรื่องนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ขั้นแรกพวกเขาจะเลือกอาคารขึ้นมาหนึ่งอาคาร และตั้งทีมอธิษฐานขึ้นเพื่ออธิษฐานเผื่อผู้ที่พักอยู่ในอาคารนั้น จากนั้น "ทีมพระคุณ" จะรวมตัวกันไปเคาะประตูห้องพักทุกห้องในอาคารดังกล่าว
พวกเขาจะถามผู้ที่พักอาศัยว่ามีอะไรที่พวกเขาต้องการบ้าง เช่น อาหาร อุปกรณ์การเรียน หรือแม้แต่คำอธิษฐาน ฟรานซิส ชานได้กล่าวไว้ในวิดีโอชุดที่เกี่ยวกับการทำพันธกิจนี้ว่า สมาชิกในทีมออกไปเพื่อจะบอกว่า "เราไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ เราต้องการเพียงมาให้"
ฮวางกล่าวว่ามีหลายคนสงสัยว่าองค์กร SFCI มาทำอะไรในเขตพื้นที่นี้ซึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรมและพวกเร่ร่อน เขาเล่าให้ฟังว่าภาพที่เห็นภายในตึกอพาร์ทเมนต์เหล่านี้สามารถอธิบายได้ดีถึงสภาพที่แท้จริงของชุมชน ทีมงานของพวกเขาได้หาที่พักให้แก่ผู้คนทั้งที่อยู่เป็นครอบครัว เป็นโสด และผู้อพยพจำนวนมากที่แทบไม่มีใครสนใจชีวิตของพวกเขาซักเท่าไร
ภารกิจหลักประการเดียวสำหรับอาสาสมัครทีมอธิษฐานและทีมที่ลงพื้นที่ คือ การเอาใจใส่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น เมื่อองค์กรมีฐานอาสาสมัครที่กว้างขึ้น พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าพันธกิจนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการจัดเตรียมและระดมกำลังชาวคริสต์
เมื่อพวกเขามีรายการสิ่งที่คนในอพาร์ทเมนต์ต้องการแล้ว พวกเขาก็จะกลับไปอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไปเพื่อนำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไปมอบให้ และในระหว่างนั้นคนในทีมก็จะสานสัมพันธ์กับผู้พักอาศัยเหล่านั้นต่อไป
ชานได้ถอนตัวจากการเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรคอร์นเนอร์สโตร์เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเขาเริ่มเกิดคำถามขึ้นในใจและหันกลับมาทบทวนใหม่ถึงวิธีการตั้งคริสตจักร เขาได้กล่าวว่าแนวคิดในขั้นต้นของการทำพันธกิจ คือ การสร้างความสัมพันธ์ และถามคนเหล่านั้นว่าพวกเขาต้องการเรียนรู้จักพระเจ้ามากขึ้นมั้ย และการอ่านพระคัมภีร์ เป้าหมายสุดท้าย คือ การหาคนที่เป็นผู้นำในอพาร์ทเมนต์แห่งนั้นที่จะมาเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรในอพาร์ทเมนต์นั้นได้
ฮวางกล่าวว่า "แต่แทนที่เราจะส่งผู้นำเหล่านั้นไปเรียนในโรงเรียนพระคริสตธรรมเพื่อเรียนรู้การเป็นศิษยาภิบาล เรากลับให้พวกเขาได้เรียนหลักสูตรการสร้างสาวกหลักสูตรใหม่ของชานผ่านพันธกิจที่เขากำลังทำอยู่ หลักสูตรนี้มุ่งฝึกให้ผู้เชื่อโดยทั่วไปเข้มแข็งพอที่พวกเขาจะสามารถสร้างสาวกรุ่นต่อไปด้วยตัวของเขาเอง"
บรรดาผู้นำพันธกิจนี้ต่างเชื่อกันว่าพวกเขาสามารถหาผู้นำในกลุ่มผู้เชื่อของอพาร์ทเมนต์แต่ละตึกได้ โดยไม่ขึ้นกับระดับหรือความรู้ในทางศาสนศาสตร์ที่พวกเขามี หลายคนคิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องไปเรียนในโรงเรียนพระคริสตธรรมก่อน แต่จริง ๆ แล้วในการสร้างสาวกเราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้
การประชุมปฏิบัติการพันธกิจมีอาสาสมัครเข้าร่วมประชุม 65 คนในคืนวันอาทิตย์ แม้ในขณะนี้พวกเขาได้ทำงานกับคนที่พักอาศัยในอพาร์ทเมนต์ถึง 4 ตึก แต่พวกเขาก็ยังคงต้องการทำงานกับผู้คนจำนวนมากขึ้นอีกในอนาคต
รายงานโดย ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ และคุณปีใหม่ อารยะกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
นี่เป็นเวทีเสรีแต่โปรดสุภาพและไม่พาดพิงผู้อื่นอย่างไร้จริยธรรม รวมทั้งสนับสนุนให้ระบุชื่อจริง กองบก.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความและความคิดเห็นอีกทั้งอาจลบหรือแก้ไขหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ส่งความคิดเห็นโดยตรงต่อกองบก.ได้ที่ networkchurchministry@gmail.com