ท่านที่กำลังทำหรือประสงค์จะทำคริสตจักรเครือข่ายหรือคริสตจักรเครือข่ายบ้านหรือต้องการสนับสนุน โปรดแจ้งให้ทางพันธกิจทราบเพื่อจะได้ช่วยเชื่อมโยงกับที่อื่นๆเพื่อจะช่วยเหลือกันและกันได้อย่างกว้างขวาง แจ้งมาที่ networkchurchministry@gmail.com / ดาวโหลดเอกสารแนะนำ

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โบสถ์โปรเตสแต๊นท์สุดอลังการล้มละลาย ถูกประมูลซื้อโดยโบสถ์คาทอลิก



หลังจากที่ได้เคยเสนอข่าวมาก่อนหน้านี้เป็นระยะๆ ว่า คริสตจักรเมก้าเชิร์ช วิหารแก้ว Crystal Cathedral "คริสตัลคาธีดรัล" ในแคลิฟอเนียเตรียมขายอาคารโบสถ์ เพื่อให้พ้นจากการล้มละลายจากหนี้ 11ล้านเหรียญ    วิธีที่พยายามแก้ปัญหาก็คือหาผู้มาประมูลซื้อเพื่อนำเงินไปใช้หนี้
ซึ่งมีผู้แข่งขันในการประมูล 2 ฝ่าย หนึ่งคือ มหาวิทยาลัย Chapman กับอีกฝ่ายคือ สังฆมณฑลออร์เรนจ์ แห่งแคลิฟอร์เนีย ผลสุดท้าย ทางคาทอลิก หรือสังมณฑลออร์เรนจ์ แห่งแคลิฟอร์เนีย ก็เป็นฝ่ายชนะในการประมูลซื้อ Crystal Cathedral ไป ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อมูลค่าที่เสนอสุดท้ายจะน้อยกว่าของคู่แข่ง บริษัท Busch ซึ่งเป็นตัวแทนของสังฆมณฑลในศาลให้ข้อมูล

สวยงาม สุดอลังการ  ราวเนรมิต




ภาพภายในสุดอลังการ

โบสถ์ Crystal Cathedral (วิหารคริสตัล) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอาคารโบสถ์ในคริสตศาสนาในโปรเตสแต๊นท์ที่สวยงามอลังการที่สุดแห่งยุค ทั้งยังถูกถือเป็นสัญญลักษณ์ของคริสตศาสนายุคใหม่ด้วย ศิษยาภิบาลผู้ก่อตั้งคริสตจักรและระดมทุนจนสามารถสร้างขึ้นได้ก็คือ ศจ.โรเบิร์ท เอช. ชุลเลอร์ ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เป็นทั้งนักเทศน์ นักพูดจูงใจ นักเทศน์ประกาศทางทีวีเจ้าของรายการ "Hour of Power" เขียนหนังสือแนวการคิดเชิงบวกกว่า 37 เล่ม และเป็นศิษยาภิบาลด้วย ก่อนจะเกษียณและให้บุตรชาย โรเบิร์ท เอ. ชุลเลอร์ รับช่วงต่อในตำแหน่งศิษยาภิบาลรวมทั้งรายการทีวีด้วย

อาคารโบสถ์หลังนี้ถูกสร้างเสร็จในปี 1961 ซึ่งเป็นเงินในสมัยนั้นมากถึง 3,000,000 เหรียญ ตามสถิติคริสตจักรนี้มีสมาชิกกว่าหมื่นคน 
 



สถานนมัสการแห่งนี้ถือว่าเป็นอาคารโบสถ์มีความโอ่อ่าหรูหรามากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาคารถูกออกแบบเป็นรูปแท่งคริสตัล หลังคาและผนังใช้เป็นกระจกทั้งหมด  มีน้ำพุ   มีไปป์ออแกนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง (อาจใหญ่ที่สุดในโลก) และมีคณะนักร้องประสานเสียงชั้นเยี่ยม มีการถ่ายทอดสดการนมัสการ และมีเซเลบหมุนเวียนมาเป็นพยานอยู่เสมอ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งไปด้วย

ข่าวในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2011 รายงานว่า สังฆมณฑลออร์เรนจ์ชนะคู่แข่งในการประมูลซื้อ Crystal Cathedral แม้ว่ามูลค่าที่เสนอสุดท้ายจะน้อยกว่าของคู่แข่ง บริษัท Busch ซึ่งเป็นตัวแทนของสังฆมณฑลในศาลให้ข้อมูล ซึ่งทางบริษัทรู้สึกตกใจที่ คณะกรรมการบริหาร Crystal Cathedral เลือกข้อเสนอ $57.5 ล้าน จากสังฆมณฑลที่เสนอให้สำหรับโบสถ์ที่ล้มละลายนี้ หลังจากที่มหาวิทยาลัย Chapman ได้เสนอราคาประมูลไปที่ $59 ล้าน เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน

ถึงแม้จะต้องคดีล้มละลาย ผู้พิพากษา Robert N. Kwan ได้อนุญาตให้คณะกรรมการคริสตจักรเลือกข้อเสนอใดก็ได้ โดยเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการเห็นชอบที่จะเลือกข้อเสนอของสังฆมณฑลคาทอลิก เนื่องจากเชื่อว่า “สังฆมณฑลจะรักษาสถานที่นี้ไว้สำหรับการสรรเสริญและนมัสการ และจะดำเนินการถ่ายโอนอย่างราบรื่น”

การจ่ายเงินสำหรับซื้อ Crystal Cathedral จะสำเร็จในวันที่ 30 ธันวาคม 2011 ซึ่งความใหญ่โตของโบสถ์แห่งนี้ก็เพียงพอสำหรับสังฆมณฑล Orange ที่มีคริสตชนประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 10 ของสหรัฐอเมริกา

พระสังฆราช Tod D. Brown ให้ปฏิญาณว่าจะรักษาโครงสร้างอันน่าพิศวงนี้ไว้เพื่อสถานที่สำหรับการนมัสการ และในอนาคตอันใกล้ ก็จะให้มีชุมชนคาทอลิกพร้อมกับอาสนวิหารใหม่ ศูนย์อภิบาล สถานศึกษาและอื่นๆ

พระสังฆราชยังได้ส่งความเห็นใจไปยังผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งนี้ คือศิษยาภิบาล Robert H. Schuller ผู้ซึ่งฟ้องคดีล้มละลายเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากโดนเจ้าหนี้ฟ้อง

การซื้อ Crystal Cathedral เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นหนทางสำเร็จรูป ที่ช่วยให้สังฆมณฑลประหยัดงบประมาณไปเกือบครึ่ง จาก $100 ล้าน หากต้องสร้างอาสนวิหารใหม่

Monsignor Arthur Holquin ฝ่ายพิธีกรรมของสังฆมณฑล Orange กล่าวว่า ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2012 จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จำเป็น เพื่อที่จะให้ Crystal Cathedral กลายเป็นสถานนมัสการสำหรับคาทอลิก ประกอบไปด้วยพระแท่นหลัก ตู้ศีล และอ่างโปรดศีลล้างบาป อาคารนี้จำเป็นต้องมีอาสนะของพระสังฆราชด้วย เนื่องจากการปรับปรุงใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับอาคารนี้ แต่ก็ไม่มีการต่อเติมเสริมแต่งอะไรมากนัก เพราะเราต้องการรักษาเอกลักษณ์และรูปแบบของอาคารนี้เอาไว้ให้มากที่สุด

สถานการณ์ที่ค่อยๆ นำมาถึงจุดนี้เป็นเรื่องราวที่ยาวมาก แต่อย่างไรก็ดีตาม แม้คริสตจักรCrystal Cathedral หรือวิหารคริสตัลหลังนี้จะมาถึงจุดที่ต้องขายอาคารคริสตจักรเช่นนี้แล้ว  สมาชิกหลายคนยังกล่าวว่า ถึงกระนั้นพวกเขาก็จะไม่ล้มเลิกความเป็นคริสตจักร  เพราะ "คริสตจักรคือคน ไม่ใช่ตัวอาคาร"

รายงานโดย 
ดร.ศิลป์ชัย  เชาว์เจริญรัตน์


http://www.catholicnewsagency.com/news/ ... firm-says
http://www.ocregister.com/articles/plan-329331-cathedral-diocese.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นี่เป็นเวทีเสรีแต่โปรดสุภาพและไม่พาดพิงผู้อื่นอย่างไร้จริยธรรม รวมทั้งสนับสนุนให้ระบุชื่อจริง กองบก.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความและความคิดเห็นอีกทั้งอาจลบหรือแก้ไขหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ส่งความคิดเห็นโดยตรงต่อกองบก.ได้ที่ networkchurchministry@gmail.com

คริสตจักรเครือข่ายบ้าน's Facebook Wall