ท่านที่กำลังทำหรือประสงค์จะทำคริสตจักรเครือข่ายหรือคริสตจักรเครือข่ายบ้านหรือต้องการสนับสนุน โปรดแจ้งให้ทางพันธกิจทราบเพื่อจะได้ช่วยเชื่อมโยงกับที่อื่นๆเพื่อจะช่วยเหลือกันและกันได้อย่างกว้างขวาง แจ้งมาที่ networkchurchministry@gmail.com / ดาวโหลดเอกสารแนะนำ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ปัญหาเรื่องคริสตจักรบ้าน


โดย ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์

ผมได้อ่านบทความเรื่องคริสตจักรบ้าน โดยคุณ ป. ปัญญาชน ซึ่งเขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงในการตั้งคริสตจักรบ้าน (หรือกลุ่มเซลล์) ของท่านเองที่สหรัฐอเมริกา (ซึ่งผมเคยได้อีเมล์พูดคุยกับท่านมาก่อน) ผมรู้สึกชื่นชมท่านจริงๆ ได้เห็นหัวใจในการรับใช้พระเจ้าของท่าน จากการที่ท่านบอกว่าได้เปิดบ้านรับใช้ทำคริสตจักรบ้าน มากว่า 10 ปีแล้ว และยังคงเปิดต่อๆไปโดยไม่ได้คิดที่จะเลิกหรือเบื่อหน่าย ท่านบอกเหตุผลที่ทำการนี้ว่า "ตราบใดที่พระเจ้ายังต้องการใช้บ้านหลังนี้ ผมและครอบครัวก็ยินดีถวายการรับใช้เสมอ จนกว่าวันใดที่พระองค์ให้หยุดก็จะหยุด"


ท่านได้เล่าความรู้สึกจริงๆ จากผู้ที่ทำคริสตจักรบ้านว่ามีปัญหาหลายอย่างได้แก่


1. ความเหน็ดเหนื่อยในการต้อนรับ ท่านบอกว่า "...หากพ่อบ้านหรือแม่บ้านต้องทำงานด้วย ไหนจะเหน็ดเหนื่อยจากหน้าที่การงานมาตลอดอาทิตย์แล้ว ยังต้องมาเป็นเจ้าบ้านตระเตรียมสถานที่ อาหารการกินในคืนวันศุกร์ และ เรื่องการต้อนรับขับสู้ตามธรรมเนียมไทยๆอีกต่างหาก"

2. ค่าใช้จ่ายในการต้อนรับ ท่านบอกว่า "มีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่จำนวนไม่น้อยในแต่ละเดือน เช่น ค่าอาหารสำหรับสิบกว่าคน ถ้วยชาม ช้อน ซ่อม (ส่วนมากจะใช้ชามกระดาษ) เพราะกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบสิบเอ็ดถึงเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว คงไม่มีเวลาต้องมาล้างถ้วยชามอีก"

3. ความกังวลเรื่องความสกปรก ความไม่เรียบร้อย ความไม่เป็นส่วนตัว และความไม่ปลอดภัยของบ้าน  ท่านบอกว่า "บางคนรักความสะอาด ความเรียบร้อย รักบ้านยิ่งกว่าชีวิต บางครั้งสมาชิกก็นำลูกๆมาด้วย เด็กก็ซนไปตามเรื่อง ทำให้บ้านช่องสกปรกหรือแตกหักเสียหายไปได้ หรือแม้จะไม่ได้นำเด็กๆมา การต้อนรับคนสิบกว่าคนในแต่ละอาทิตย์นั้นมันก็มีสิ่งที่ทำให้บ้านเปื้อนเลอะไปได้เหมือนกัน บางคนถึงกลัวคนใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาร่วม...เรื่องอะไรหรือครับ กลัวขโมยหรือของหายครับ... กลัวเป็นไส้ศึกดูต้นทางสำหรับโจรผู้ร้ายไปโน้นเลย...แบบนี้เราจะเปิดบ้านเพื่อเป็นการประกาศฯนำคนใหม่เข้าคริสตจักรได้อย่างไร?"

อย่างไรก็ตาม แม้ในท่ามกลางความยากลำบากเหล่านี้ ท่านก็กลับสรุปว่า "บ้านหรือสิ่งของทั้งหมดที่เรามีนั้น ไม่ใช่ของเรา มันเป็นของโลกนี้ ซึ่งพระเจ้าให้เรายืมใช้ชั่วคราวในขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกเท่านั้นเอง ถ้าคิดได้แบบนั้น เราก็จะไม่หวงบ้านและสามารถเปิดให้ทุกคนที่พระเจ้าเลือกไว้ ได้ใช้อย่างเต็มที่โดยปราศจากความเสียดายและมันจะเกิดผลอย่างมหัศจรรย์จริงๆ มันไม่ใช่บ้านของเรา เงินก็ไม่ใช่เงินของเรา สิ่งของเครื่องใช้และทุกอย่างมันก็ไม่ของเรา ดังนั้นพระเจ้าจะส่งใครมาก็ได้บ่ยั่นครับ...."

ต้องขอปรบมือให้หัวใจรับใช้ของท่านจริงๆ และสิ่งที่คุณ ป.ปัญญาชน บอกเล่านี้เป็นความจริงทุกประการที่เกิดขึ้นกับการทำคริสตจักรบ้านหรือกลุ่มเซลล์โดยทัวไป แต่สิ่งที่เราควรคิดต่อไปก็คือจะช่วยแก้หรือบรรเทาปัญหานี้ได้อย่างไรเพื่อให้งานพระเจ้ายังสามารถดำเนินไปได้ในระยะยาว และยังรุดหน้าไปได้โดยไม่ทำให้ท่านเจ้าของบ้านท้อใจหรือถอดใจกันเสียก่อน

สิ่งที่หลายที่กระทำกันเพื่อช่วยแก้หรือลดปัญหาเหล่านี้ก็คือ

1. ตั้งกติกาและสื่อสารอย่างฉลาด  ให้สมาชิกเข้าใจรับรู้ว่าข้อจำกัดมีอะไรบ้าง และขอความร่วมมืออะไรบ้าง ขอให้ผู้นำคนอื่นช่วยพูดแทนเราที่เป็นเจ้าของบ้านเอง และสื่อสารอยู่เรื่อยๆ ให้มีคนอื่นช่วยทำเป็นแบบอย่าง

2. ทำให้สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าภาพร่วม ผู้ที่เป็นคริสเตียนและเป็นสมาชิกประจำต้องร่วมเป็นเจ้าภาพของการต้อนรับ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย การจัดเตรียมอาหารและการดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ทุกเรื่อง ไปจนถึงเก็บล้างเก็บกวาดทำความสะอาด แขกที่ยังไม่เป็นคริสเตียนหรือเป็นคริสเีตียนแต่ไม่ได้มาประจำไม่ต้องทำ (เว้นแต่มีน้ำใจและมีมารยาท - ฮา) เรื่องนี้เป็นเรื่องของการบริหารจัดการที่ต้องมีประสิทธิภาพ

3. แบ่งเงินถวายมาช่วยเหลือเจ้าของบ้าน เงินถวายของคริสตจักรบ้านต้องแบ่งออกมาส่วนหนึ่งเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายของเจ้าของบ้าน ซึ่งจะมากน้อยก็ขึ้นให้อยู่กับภาระและความพร้อมของเจ้าของบ้านเทียบกับจำนวนเงินถวาย

4. กรณีของคนที่มีปัญหามากเป็นพิเศษ อาจจำเป็นต้องพูดส่วนตัวกับเขาตรงๆ เช่น เด็กที่ดื้อและซนมากๆ จนเกินจะรับไหว อาจต้องคุยกับพ่อแม่ของเขาให้ช่วยดูแลเป็นพิเศษหรือขอไม่ให้นำมา ส่วนคนที่ดูไม่น่าไว้วางใจก็อาจต้องขอให้ไม่ต้องมา ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้คงสร้างความลำบากใจให้มากทีเดียว

ปัญหาเหล่านี้ให้เราตระหนักว่าเป็นเรื่องปกติของการที่คนอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่บ้าน หรือชุมนุมที่อาคารโบสถ์ และวิธีแก้ก็เหมือนกันคือต้องมีการบริหารจัดการที่ดี

คริสตจักรโบสถ์ก็มีปัญหาเดียวกันนี้ ก็ต้องแก้ด้วยการบริหารจัดการ และแย่กว่านี้อีกเพราะคนรู้สึกว่าเป็นของส่วนรวม เป็นของสาธารณะ คนยิ่งไม่เกรงใจ คริสตจักรโบสถ์ที่มีการบริหารจัดการที่ดีก็จะพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้จนลุล่วงเรียบร้อยได้ ในขณะที่คริสตจักรโบสถ์ที่การบริหารจัดการไม่ดีก็จมอยู่กับปัญหานี้อย่างไม่จบสิ้น

คริสตจักรบ้านก็เหมือนคริสตจักรโบสถ์ทุกอย่าง ต่างกันแค่บุคคลที่เป็นเจ้าของสถานที่
ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี ปัญหาเหล่านี้ก็จะบรรเทาเบาบางลงไปได้

แต่ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีเพียงไรก็ตาม
หากปราศจากหัวใจที่รับใช้ อย่างคุณ ป.ปัญญาชน เสียแล้ว
อะไรก็เป็นปัญหาใหญ่ไปหมด
และปัญหาอะไรก็แก้ไม่ได้ไปหมด !


3 ความคิดเห็น:

  1. ปัญหาที่พบในคริสตจักบ้าน(ไทย)ในอเมริกา ส่วนใหญ่พี่น้องมีปัญหากับคริสตจักรเดิม walk outกันออกมาเพื่อมารวมตัวกันที่บ้าน มันจึงเป็นศูนย์กลางของพวกที่มีปัญหาจากคริสตจักรเก่า อยู่มาไม่นานก็มาทะเลาะหรือขัดแย้งในคริสตจักรบ้านกันอีก

    ตอบลบ
  2. เรื่องปัญหาความขัดแย้งก็คงมีบ้างเป็นธรรมดาของทุกที่ แต่คงไม่ทั้งหมดมังคะ

    ตอบลบ
  3. ปัญหาเรื่องไม่พอใจคริสตจักรเดิมนั้น ไม่เกี่ยวว่าเป็นคจ.บ้านหรือคจ.โบสถ์ มันเป็นเรื่องของมนุษย์ทุกที่ที่มีความขัดแย้งอยู่เสมอในทุกที่ หรือพูดอีกอย่างว่า คจ.โบสถ์แตกได้ คจ.บ้านก็แตกได้

    ตอบลบ

นี่เป็นเวทีเสรีแต่โปรดสุภาพและไม่พาดพิงผู้อื่นอย่างไร้จริยธรรม รวมทั้งสนับสนุนให้ระบุชื่อจริง กองบก.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความและความคิดเห็นอีกทั้งอาจลบหรือแก้ไขหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ส่งความคิดเห็นโดยตรงต่อกองบก.ได้ที่ networkchurchministry@gmail.com

คริสตจักรเครือข่ายบ้าน's Facebook Wall