ท่านที่กำลังทำหรือประสงค์จะทำคริสตจักรเครือข่ายหรือคริสตจักรเครือข่ายบ้านหรือต้องการสนับสนุน โปรดแจ้งให้ทางพันธกิจทราบเพื่อจะได้ช่วยเชื่อมโยงกับที่อื่นๆเพื่อจะช่วยเหลือกันและกันได้อย่างกว้างขวาง แจ้งมาที่ networkchurchministry@gmail.com / ดาวโหลดเอกสารแนะนำ

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คริสตจักรบ้านกับคริสตจักรเครือข่ายบ้าน การประสานพลังเพื่อกำจัดจุดอ่อน

มีคนถามมากว่า ทำคริสตจักรบ้านโดยไม่ต้องทำเครือข่ายได้ไหม?
คงต้องตอบว่าได้แน่นอน  ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด  แต่ข้อเท็จจริงจากการวิจัยพบว่า คริสตจักรบ้านที่ไม่ทำเครือข่ายจะไม่ค่อยเติบโตเท่าที่ควร  และหลายที่ก็ล้มเลิกไปในที่สุด  สาเหตุเป็นเพราะธรรมชาิติของคริสตจักรบ้านนั้นมีคนน้อย  ก็เพราะสถานที่จุคนได้น้อยเป็นทุนอยู่แล้ว  (ยกเว้นบางบ้านก็ใหญ่จริงๆ เช่น คจ.บ้านในจีน บางหลังมีเป็นร้อยๆ คน)

และความที่คนน้อยผลที่ตามมาคือ กำลังคนก็จะน้อย  ของประทานก็น้อย ทรัพย์ก็จะน้อย จะทำอะไรก็ดูติดขัด  ขาดคนขาดเงินขาดความสามารถ  ยิ่งถ้าเอาลักษณะของโบสถ์ใหญ่มาเปรียบเทียบก็จะรู้สึกว่า นักดนตรีก็ไม่มี  เครื่องดนตรีไม่มี  หรือมีแต่กีต้าร์  ครูรวีก็ไม่มี  ทำอะไรใหญ่ๆ ก็ไม่ได้  



ประการต่อมาคือ  พอคนน้อยเวลานมัสการก็อาจรู้สึกเงียบเหงา  รู้สึกเหมือนไม่มีพลัง เหมือนพระเจ้าไม่อยู่ด้วย (ซึ่งก็เป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่ความจริง)    รู้จักกันแต่คนเดิมๆ  การนำการสอนก็จะมาจากคนเดิมๆ  ไม่มีอะไรแปลกใหม่  ยิ่งถ้าไม่มีผู้รับเชือใหม่เพิ่มก็จะยิ่งเบื่อและท้อใจ  

ผลที่สุดคือ ความเบื่อและความท้อใจ  ตอนแรกๆ อาจไม่รู้สึกมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นปีและปีแล้วปีเล่าจะยิ่งรู้สึก
...................

[ ในเรื่องของจุดดีจุดอ่อนของคริสตจักรใหญ่กับเล็กนั้นมีหลายแง่  ทั้งคู่ต่างมีจุดดีและจุดอ่อน   คริสตจักรขนาดกลางและขนาดใหญ่มีจุดดีที่การมีจำนวนคนมากก็แรงดึงดูดต่อผู้คนมากกว่า   รวมทั้งการมีความหลากหลายและมีกำลังมากกว่าก็ทำให้ทำอะไรได้มาก  แต่จุดอ่อนก็คือทำยาก  ใช้ทุนมาก  และผู้นำต้องมีความสามารถมาก  ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้   เป็นเรื่องน่าสนใจว่าผมได้คุยกับ Church planter ที่มีประสบการณ์หรือแม้แต่ฟังจาก อ.ริค วอเรน เขาพูดคล้ายๆ กันว่า โบสถ์ใหญ่ทำยาก  ผู้นำต้องมีภาวะผู้นำสูง ต้องเก่งนำเก่งยุทธศาสตร์เก่งเทศน์เก่งสัมพันธ์เก่งจูงใจเก่งสร้างทีม  เรียกว่าต้องสารพัดเก่ง!  ซึ่งคริสเตียนส่วนใหญ่แม้ว่าอาจมีใจรับใ้ช้ในการตั้งคริสตจักร แต่ก็ไม่มีศักยภาพถึงขนาดนั้น    นี่เป็นจุดดีอีกจุดของคริสตจักรเล็กหรือคริสตจักรบ้านคือ ใครๆ ก็ทำได้!  ทุกคนนำได้และทุำกคนได้นำ

และในขณะที่โบสถ์ใหญ่ อ.ริค วอเรนบอกว่า ง่ายที่หลายคนจะหลบงานรับใช้หรือถูกมองข้ามทำให้ไม่ได้รับใช้     ซึ่งก็น่าจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง  เพราะผู้รับใช้หลายคนที่อยู่โบสถ์ใหญ่ระบายให้ฟังว่า อยู่โบสถ์ใหญ่ไม่เคยได้เทศนา เพราะถือว่าไม่เก่งพอสำหรับการเทศน์ต่อหน้าคนเยอะๆ   หรืออาจเน้นให้แต่ศบ.อาวุโสเทศน์คนเดียว  หรือเนื่องจากคนเก่งอยู่ร่วมกันเยอะ  จึงต้องให้คนเก่งๆ ก่อน  หลายคนเลยอยากออกไปอยู่โบสถ์เล็กจะได้เทศนาบ้าง แต่ในคริสตจักรบ้าน เขาได้เทศน์แน่ๆ   จุดเด่นสำคัญของคริสตจักรบ้านอยู่ตรงนี้คือ นอกจากถูกและง่าย   แล้ว ยังทำให้คริสเตียนทุกคนได้รับใช้อย่างจริงจัง  ไม่ใช่แค่มาโบสถ์เพื่อมานั่งเก้าอี้ให้เต็มเท่านั้น!

อีกจุดที่น่าสนใจคือ ผมได้คุยกับสมาชิกคริสตจักรบ้านหลายคนในสหรัฐ แทบทุกคนเคยไปโบสถ์ใหญ่แล้วเลิกไป  เมื่อถามเหตุผล พวกเขาก็จะบอกคล้ายๆ กันว่า ไปโบสถ์แล้วแค่ได้เป็นผู้ชมแล้วก็กลับ  ไม่อบอุ่น และที่สำคัญคือไม่มีสิทธิมีส่วนในการบริหาร  เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้นำข้างบนๆ   เราสมาชิกไม่มีสิทธิร่วมตัดสินใจอะไร  ผมก็ได้แต่ฟังและคิดตาม]

.............................

แต่จุดอ่อนของคริสตจักรบ้านที่่ว่ามานี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยรูปแบบ "คริสตจักรเครือข่ายบ้าน"
นั่นคือ ต้องไม่ใช่ทำอยู่แต่บ้านเดียว  ต้องพยายามตั้งคริสตจัักรบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  แล้วเชื่อมโยงกันเป็นคริสตจักรเครือข่าย  หรือร่วมมือกับคริสตจักรบ้านอื่นๆ ที่เขาดำเนินการกันอยู่แล้ว

เพื่อให้เกิดการรวมตัวกันร่วมมือกันและช่วยเหลือกัน และจะยิ่งดีหากร่วมมือกันจนราวกับเป็นคริสตจักรเดียวกัน!

รวมตัวกันนมัสการเป็นครั้งคราว  ถี่ห่างตามแต่เหมาะสม  เพื่อให้เกิดพลังแห่งการรวมตัวกัน

แบ่งปันบุคคลากรกัน  ผู้นำผลัดกันไปสอนไปเทศนา  ผู้นำนมัสการเวียนกันนำ  ผู้เป็นพยานเวียนกันไปเป็นพยาน   หรือแม่ครัวเวียนกันไปโชว์ฝึมือ

รวมตัวกันจัดการประกาศหรือพันธกิจอื่นๆ  หรือแม้แต่ร่วมมือกันในการตั้งคริสตจักรบ้านแห่งใหม่ๆ  เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

รวมเงินถวายกันทำงานประกาศ  การอบรม  ฟื้นฟู  การเพิ่มพูนคริสตจักร  งานมิชชั่นในและต่างประเทศ   ช่วยเหลือทางการเงินกัน  ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นแล้วแบ่งปันกันใช้   หรือแม้แต่ออกเงินให้ก่อนแล้วค่อยๆ ผ่อนคืน

และในคริสตจักรบ้าน สมาชิกจะมีส่วนในการตัดสินใจมาก  แทบทุกเรื่องจะถูกนำมาเสนอให้พิจารณาหลังนมัสการเสร็จ

ทั้งหมดนี้ก็เท่ากับว่า คริสตจักรเครือข่ายบ้านเป็นการผสมผสานระหว่างคริสตจักรบ้านกับคริสตจักรใหญ่  เอาจุดดีของแต่ละอันมาอุดจุดโหว่ของกันและกัน   แต่ยังคงจุดเน้นอยู่ที่ความเป็นคริสตจักรบ้านมากกว่า  (ในขณะที่คริสตจักรเซลล์หรือคริสตจักรที่มีกลุ่มเซลล์ แม้ว่ามีการใช้บ้านเหมือนกัน แต่ก็ยังเน้นที่คริสตจักรใหญ่มากกว่า  จึงไม่ถือว่าเหมือนกัน)

คริสตจัักรเครือข่ายบ้านในสหรัฐแห่งหนึ่ง ชื่อ Dove ministry ทำคริสตจักรบ้านไปเรื่อยๆ และเมื่อมารวมตัวกันนมัสการเฉลิมฉลองด้วยกัน  มีคนมาถึง 2,000 คน  คนมากกว่าคริสตจัักรที่มีอาคารหลายแห่ง  และถือเป็นคริสตจักรเมก้าเชิร์ชได้เลย

แถมจุดที่ดีกว่าคือ  ต้นทุนถูกมาก  ไม่มีต้นทุนเรื่องอาคารแม้แต่บาทเดียว ในขณะที่เมก้าเิชิร์ชต้องใช้เงินเป็นสิบๆ ล้านหรือร้อยล้านเพื่ออาคารและระบบแอร์   อีกทั้งไม่มีเงินเหลือมากนักสำหรับสนับสนุนงานมิชชั่นต่างประเทศเพราะเงินหมดไปกับเรื่องอาคาร ค่าไฟ และการบริหารภายใน (โบสถ์ใหญ่หลายแห่งต้องปิดเพราะผ่อนอาคารต่อไม่ไหวหรือสู้ค่าบำรุงรักษาและงบบริหารไม่ไหว)

แต่คริสตจักรเครือข่ายบ้่านอันนี้เขารวมเงินถวายกันและส่งไปสนับสนุนงานมิชชั่นต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก  ถามเขาว่าทำไมทำได้  เขาตอบว่า ก็เงินถวายที่มีไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร  ก็พวกเราไม่ต้องซื้อไม่ต้องผ่อนเรื่องโบสถ์   ผู้รับใช้เต็มเวลาก็ไม่ได้มีหรือมีก็น้อยคนเพราะแต่ละบ้านก็สอนก็นำกันเองได้  ใช้แต่ผู้รับใช้ฆราวาสเสียเป็นส่วนใหญ่  อาหารที่กินกันก็ต่างคนต่างเอามารวมกัน   ทั้งหมดนี่จึงทำให้เงินเหลือ  เลยส่งงานมิชชั่นได้เยอะ

สรุปก็คือ คริสตจักรบ้านดี  แต่คริสตจักรเครือข่ายบ้านดีกว่าครับ !


ดร.ศิลป์ชัย  เชาว์เจริญรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นี่เป็นเวทีเสรีแต่โปรดสุภาพและไม่พาดพิงผู้อื่นอย่างไร้จริยธรรม รวมทั้งสนับสนุนให้ระบุชื่อจริง กองบก.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความและความคิดเห็นอีกทั้งอาจลบหรือแก้ไขหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ส่งความคิดเห็นโดยตรงต่อกองบก.ได้ที่ networkchurchministry@gmail.com

คริสตจักรเครือข่ายบ้าน's Facebook Wall